โจเซฟ บอเรลล์ รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยังให้มุมมองถึงสถานการณ์ในยูเครนต่อจากตอนที่แล้วว่า บรรดานักโฆษณาชวนเชื่อในรัฐบาลรัสเซีย เรียกการรุกรานครั้งนี้ว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษ” แต่การเลือกใช้คำแบบมีเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้ไม่อาจปกปิดข้อเท็จจริงที่ว่าเรากำลังเห็นการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ
ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะทำลายเสรีภาพ รัฐบาลอันชอบธรรม และโครงสร้างในระบอบประชาธิปไตยของยูเครน การเรียกรัฐบาลยูเครนว่าเป็น “กลุ่มนีโอนาซี” และ “กลุ่มเกลียดกลัวรัสเซีย” เป็นเรื่องที่ไม่มีมูลโดยสิ้นเชิงในยูเครนมีกฎห้ามการแสดงออกถึงลัทธินาซี นอกจากนี้ในยูเครนยุคใหม่ นักการเมืองกลุ่มขวาจัดเป็นกลุ่มชายขอบที่แทบไม่ได้รับการสนับสนุนถึงขั้น ที่ไม่สามารถมีผู้แทนในรัฐสภาได้
รัฐบาลยูเครนไม่ได้แบ่งแยกพื้นที่ดอนบาส หรือห้ามการใช้ภาษาและวัฒนธรรมรัสเซียในพื้นที่ พื้นที่โดเนตสก์และลูฮันสก์ก็ไม่ใช่สาธารณรัฐ แต่เป็นพื้นที่หนึ่งของยูเครนที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียควบคุมอยู่
ประเทศต่างๆทั่วโลกประณามการโจมตีของรัสเซีย และในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ประชาคมนานาชาติจำเป็นต้องร่วมมือกันผ่านข้อมติสหประชาชาติเพื่อหยุดการรุกรานของรัสเซีย สำหรับคนไทยที่เป็นคนรักสงบ ท่านอาจสงสัยว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศที่ห่างไกลในยุโรปจะมีผลกระทบกับ “คนไทย” อย่างไร
คำตอบคือการรุกรานของรัสเซียมีผลกระทบทั่วโลก ประเทศไทยได้รับการปกป้องจากกฎบัตรสหประชาชาติที่ปกป้องหลักการเคารพอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และการแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยสันติ เช่นเดียวกันกับประเทศอื่น หลักการเหล่านี้ รวมทั้งระบบระหว่างประเทศกำลังถูกรัสเซียทำลาย หากเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ที่ยูเครน เรื่องเช่นนี้ก็เกิดขึ้นกับประเทศใดก็ได้ ด้วยเหตุนี้เรื่องนี้จึงส่งผลกระทบต่อคนไทยด้วย
...
สงครามในยูเครนครั้งนี้จะทำให้โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้เป็นเวลาที่สังคมและพันธมิตรกลุ่มต่างๆต้องมาร่วมกันสร้างอนาคตที่ตั้งอยู่บนฐานของความเชื่อใจ ความยุติธรรม เสรีภาพ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องยืนหยัดและแสดงความเห็นกันออกมาว่า อำนาจไม่ใช่ความชอบธรรม ไม่เคยเป็นและจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้น.