สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 มี.ค.ว่า ผู้นำกลุ่มภาคีด้านความมั่นคง 4 ประเทศเพื่อต้านอิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้ หรือ “ควอด” ที่ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา อินเดีย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ต่างเห็นพ้องในการประชุมร่วมผ่านระบบออนไลน์เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ว่าจะไม่ปล่อยให้วิกฤติในยูเครนเกิดขึ้นซ้ำรอยในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ท่ามกลางความวิตกกังวลต่อไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของตน ได้ยกระดับการเฝ้าระวังสังเกตการณ์และตื่นตัวต่อกิจกรรมทางทหารในภูมิภาค นับแต่รัสเซียบุกยูเครน เนื่องจากหวั่นว่าอาจเป็นรายต่อไป
ก่อนหน้านี้ในการลงมติรับร่างมติประณามรัสเซียจากการโจมตียูเครน ที่การประชุมสมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ วาระพิเศษเร่งด่วนครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา อาจทำให้สมาชิก “ควอด” ทั้ง 4 ชาติ ไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ต่างลงมติเห็นด้วย ส่วนอินเดียกลับเลือกที่จะเป็นกลางโดยงดออกเสียง อย่างไรก็ตามในแถลงการณ์ร่วมภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมครั้งนี้ ได้ระบุว่าผู้นำ “ควอด” ได้หารือถึงความขัดแย้งและวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครน และเห็นพ้องตกลงที่จะสนับสนุนแนวทางการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติรูปแบบใหม่ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตอบสนองความท้าทายด้านมนุษยธรรมในอินโด-แปซิฟิกในอนาคตและเป็นช่องทางสำหรับการสื่อสารที่แต่ละฝ่ายกล่าวถึงสามารถจัดการต่อวิกฤติในยูเครน
นอกจากนี้ การรวมตัวของผู้นำ “ควอด” ยังเน้นที่จุดยืนร่วมในการคานอิทธิพลของจีนในภูมิภาค ซึ่งนายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้ยืนยันความมุ่งมั่นผลักดันให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเสรีและเปิดกว้าง โดยเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกรัฐ และประเทศต่างๆ โดยปราศจากการบีบบังคับทางการทหาร เศรษฐกิจ และการเมือง ด้านนายกรัฐมนตรีอินเดียแถลงว่า “ควอด” ต้องมุ่งเน้นไปที่วัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการกลับสู่เส้นทางการเจรจาและใช้กลไกทางการทูต ซึ่งเป็นจุดยืนของอินเดียตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
...
ด้านสำนักงานตัวแทนของไต้หวันในกรุงวอชิงตันกล่าวยินดีกับความมุ่งมั่นของ “ควอด” และยืนยัน จะทำงานร่วมกับพันธมิตรที่รักสันติภาพในภูมิภาคนี้ต่อไป ขณะที่ผู้นำทั้ง 4 ชาติยังตกลงที่จะพบปะด้วยตนเองในการประชุมสุดยอดผู้นำ “ควอด” ที่กรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ภายในช่วงครึ่งแรกของปี เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง.