เวลาเครื่องบินรบแต่ละรุ่นของสหรัฐอเมริกาทำการเปิดตัว ก็จะมีการตั้ง “สมญานาม” เพื่อสะท้อนถึงความน่าเกรงขาม และคุณสมบัติที่โดดเด่นของรุ่นนั้นๆแต่ “ฉายาอย่างเป็นทางการ” เหล่านี้ มักถูกนักบินเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ อย่างเครื่องบินขับไล่ “เอฟ-16” ที่ทัพฟ้าไทยใช้งานอยู่ มีฉายาแรกเริ่มว่า “ไฟติ้ง ฟัลคอน เหยี่ยวนักสู้” แต่ต่อมาเหล่านักบินสังเกตว่า ส่วนโค้งบริเวณส่วนหัวและห้องนักบิน มีลักษณะคล้ายกับงู จึงเปลี่ยนฉายาเป็น “ไวเปอร์ งูพิษ” จนกลายเป็นติดหูหรือเครื่องบินโจมตีสนับสนุนภาคพื้นดิน “เอ-10” แรกเริ่มก็มีฉายาว่า “ธันเดอร์โบลต์ 2 สายฟ้าฟาด” ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามเครื่องบินโจมตีภาคพื้นดินชื่อดัง “พี-47 ธันเดอร์โบลต์” ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เปิดกระป๋องทำลายรถถังนาซีเยอรมนีมานับไม่ถ้วน แต่หลังจากออกรบจริง ชื่อเล่นของเอ-10 ก็ถูกเปลี่ยนเป็น “วอร์ตฮอก หมูป่า” ในฐานะที่อึดถึกทน โดนยิงพรุนก็ไม่ตกง่ายๆหรือเครื่องบินลำเลียงพลขนาดยักษ์ “ซี-17” ที่มีฉายาว่า “โกลบมาสเตอร์ จ้าวโลก” ก็ได้รับการเปลี่ยนนิกเนมเป็น “กวางมูส” เนื่องจากเวลาปฏิบัติการเติมน้ำมันกลางอากาศ ระบบการทำงานบนเครื่องจะส่งเสียงร้องดังลั่น คล้ายกับเสียงร้องกระหึ่มของกวางมูสแน่นอนว่า “เอฟ-35” เครื่องบินรบอเนก ประสงค์รุ่นใหม่ ที่ทัพอากาศไทยกำลังให้ความสนใจ ก็คงหนีไม่พ้นที่จะถูกเปลี่ยนสมญานาม โดยเมื่อปี 2549 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ประกาศให้เอฟ-35 มีฉายาอย่างเป็นทางการว่า “ไลต์นิง 2” หรือ “สายฟ้า 2” เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่เครื่องบินรบอเนกประสงค์ “ล็อคฮีด พี-38 ไลต์นิง” ของสหรัฐฯ ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และเครื่องบินขับไล่ไลต์นิงของอังกฤษ ในยุคสงครามเย็นแต่หลังจากฝูงบินที่ 6 กองบินที่ 99 ของสหรัฐฯ ที่ได้รับมอบเอฟ-35 เป็นเจ้าแรกๆ มีการใช้ตราประจำหน่วยบินเอฟ-35 ชื่อว่า “แพนเธอร์ เทมเมอร์ คนเลี้ยงเสือดำ” ก็เริ่มมีกระแสในหมู่นักบินว่า ด้วยเหตุนี้ ควรเรียกเอฟ-35 ว่า “แพนเธอร์ เสือดำ” ไปเลยดีกว่าหรือไม่ ซึ่งในกระทู้ ทอ.สหรัฐฯ ต่างพากันสนับสนุนแนวคิดนี้ เพราะเสือดำเองก็ขึ้นชื่อเรื่องการพรางตัว โจมตีเหยื่อแบบไม่ทันรู้ตัว ไม่ต่างอะไรกับความสามารถ “สเตลธ์” พรางเรดาร์ของเอฟ-35 เลยสักนิดเดียว แถมสีก็ทึมๆเหมือนกันอีกต่างหาก.ตุ๊ ปากเกร็ด