การชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีนิการากัวสมัยที่ 4 ของนายออร์เตกา ทำให้โลกหันมาสนใจนิการากัว และรื้อฟื้นความหลังครั้งเก่าตั้งแต่ พ.ศ.2522 ที่สหรัฐฯพยายามจะล้มรัฐบาลของพวกซานดีนีสตา แต่พยายามเท่าใดก็ไม่สำเร็จ เวลาผ่านไป 42 ปีแล้วนะครับ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน ยังละเมอเพ้อพกประโยคเดิมๆ เหมือนกับประธานาธิบดีสหรัฐฯทั้ง 6 คน ก่อนหน้าแก

เมื่อวานผมรับใช้ถึงนโยบายของสหรัฐฯที่ประกาศก้องร้องบอกทั้งโลกว่าตัวเองจะไม่เจรจาตกลงกับผู้ก่อการร้ายหรือให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธแก่ประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้ายสากล ปากก็พูดไปอย่างนั้นละครับ แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2528 เรแกนอนุมัติขายขีปนาวุธต่อสู้ป้องกันการโจมตีด้วยรถถังและอากาศยานแก่อิหร่าน

ต่อมา เดือนพฤศจิกายน 2529 หนังสือพิมพ์เลบานอนเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณะ ทำให้เรแกนเสียหน้ามาก รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมในสมัยนั้นก็ออกมายอมรับว่า เงินบางส่วนที่ขายขีปนาวุธให้อิหร่านเพื่อที่จะนำไปใช้เป็นเงินทุนลับสำหรับซื้ออาวุธให้พวกกอนตราในนิการากัว เพราะสหรัฐฯและซีไอเอตั้งกอนตราเพื่อล้มรัฐบาลของพวกซานดีนีสตา

เมื่อเรื่องแดง ทำให้รัฐสภาสหรัฐฯต้องยุติความช่วยเหลือด้านการทหารแก่พวกกอนตราทั้งหมด พวกกอนตราไม่มีเงินก็ซีดนะสิครับ เมื่อไม่มีสหรัฐฯให้เงินไปทำลายความสงบ บ้านเมืองก็กลับสู่สภาพเรียบร้อย มีการพักรบ และเจรจาสันติภาพ รัฐบาลซานดีนีสตาก็จัดให้มีการเลือกตั้ง โดยให้กองกำลังนานาชาติเข้ามากำกับดูแลการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2533 พวกซานดีนีสตาแพ้และสูญเสียอำนาจ สงครามกลางเมืองก็สงบจบลง การเข้าไปแทรกแซงของสหรัฐฯในระหว่าง พ.ศ.2522-2532 ทำให้มีคนตายไป 3 หมื่นคน มีการลักพาตัว ทรมาน ข่มขืน สังหารพลเรือน รวมทั้งเด็ก กลุ่มกอนตราที่สหรัฐฯตั้งขึ้นมาทำการปล้นและเผาบ้านเรือนของพลเรือน

...

เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีใครพูดกันลอยๆ คนที่เข้าไปสืบสวนหาข่าวคือ องค์การนิรโทษกรรมสากล องค์การอเมริกาส์วอตช์ ต่อมา สถาบันคาทอลิกเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้สรุปประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนว่า พวกกอนตราที่สหรัฐฯตั้งขึ้นมาทำทารุณกรรมต่อมนุษยชาติด้วยการฆ่า ทรมาน ตัดร่างกายออกเป็นชิ้นๆ ข่มขืนผู้หญิง ลักพาตัว และเผาทำลายทรัพย์สินของพลเรือน

หลังจากที่พวกซานดีนีสตาแพ้เลือกตั้งเมื่อ พ.ศ.2533 นายออร์เตกาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 58 ดำรงตำแหน่งระหว่าง พ.ศ. 2528-2533 หลังจากนั้น ผู้อื่นก็มามีอำนาจแทน นายออร์เตกากลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งหนึ่งเมื่อ 10 มกราคม 2550 คราวนี้ชนะเลือกตั้งมาอย่างยาวนานจนถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุด 7 พฤศจิกายน 2564

แม้เวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป แต่พฤติกรรมซ้ำๆ เดิมๆ ของสหรัฐฯโดยซีไอเอก็มิได้เปลี่ยน ยังคงเข้าไปตั้งกลุ่มองค์กร และกองกำลังเพื่อทำให้พื้นที่หนึ่งพื้นที่ใดไม่มีความสงบ อาจจะเป็นเพราะสหรัฐฯกลัวว่าภูมิภาคอื่นมีความสงบแล้วจะสามารถพัฒนาจนกลายเป็นคู่แข่งของตนเองได้ในอนาคต ที่สหรัฐฯน่าจะกลัวที่สุดคือภูมิภาคตะวันออกกลาง เพราะอารยธรรมเมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย ทางแถบนั้นเคยเจริญรุ่งเรืองสุดขีดมาก่อน

เมื่อพวกเผ่าพันธุ์สลาฟผงาดขึ้นมาในนามของสหภาพโซเวียต สหรัฐฯก็ต้องรีบทำลายเพื่อไม่ให้เป็นคู่แข่ง อารยธรรมเก่าแก่แห่งหนึ่งซึ่งรุ่งเรืองมาแต่ครั้งโบราณกาลนั่นคือ อารยธรรมจีน ช่วงที่จีนอ่อนแอ สหรัฐฯก็ไม่ระแวง แต่เมื่อจีนสงบและหันมาพัฒนาเศรษฐกิจ รวมทั้งสั่งสมกำลังด้านการทหาร สหรัฐฯก็รามือจากภูมิภาคอื่น หันมาเล่นจีนอย่างมุ่งมั่นจริงจัง

การจะเข้าใจความเป็นไปของโลก มีความจำเป็นจะต้องอ่านประวัติศาสตร์โลกโดยละเอียด อ่านให้ครบจบทุกประเทศ ทุกภูมิภาคและทวีป นำเหตุการณ์ต่างๆมาต่อกัน เมื่อต่อกันได้แล้วก็จะเห็นภาพใหญ่และเข้าใจโลกได้อย่างดียิ่งขึ้น

ผู้อ่านท่านครับ นิการากัวทั้ง 3 บทความ ผ่านตาท่านทั้งหลายไปแล้ว วันนี้ขออนุญาตลาก่อนครับ ลาไปแล้วครับ สวัสดีครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com