ชาวพื้นเมืองตั้งถิ่นฐานในดินแดนแคนาดามาช้านาน ทั้งชาวอินเดียแดง เอสกิโม และอีกมากมายหลายเผ่า อินเดียแดงเผ่าสำคัญก็เช่น ฮูรอน แอลกองกวิน อิโรควอยส์ ฯลฯ เผ่าเหล่านี้ยังแยกเป็นเผ่าย่อยไปอีกมากมายหลายสิบเผ่าค.ศ.1534 ฌัก การ์ตีเย ชาวฝรั่งเศสล่องเรือมาพบอ่าวเซนต์ลอเรนซ์ ซึ่งเป็นบริเวณปากอ่าวเข้าแคนาดา พบแล้ว การ์ตีเยก็อ้างสิทธิของฝรั่งเศสเหนืออ่าวเซนต์ลอเรนซ์ทันที ปีต่อมาแกก็สำรวจไปตามแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ ล่องไปจนถึงที่ตั้งของนครมอนทรีออลในปัจจุบัน การ์ตีเยตั้งชื่อแผ่นดินถิ่นที่พบใหม่ในทวีปอเมริกาเหนือแห่งนี้ว่า ‘แคนาดา’ ตามคำว่า Kanata ที่หมายถึง หมู่บ้านหรือการตั้งถิ่นฐานในภาษาของชาวอินเดียแดงฝรั่งสเปนเข้าไปยึดดินแดนเม็กซิโกและเปรู จากนั้นก็ขนทรัพยากรจากดินแดนทั้งสองไปสร้างความมั่งคั่งให้กับตน ฝรั่งเศสสนใจขยายอิทธิพลในทวีปอเมริกาแข่งกับสเปน แต่ก็ยังไม่มีการก่อตั้งอาณานิคมฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการในคริสต์ศตวรรษที่ 16 รัฐบาลกระตุ้นให้คนฝรั่งเศสไปอยู่ในดินแดนพบใหม่ที่มีชื่อว่าแคนาดา ทว่าคนส่วนใหญ่ปฏิเสธ เพราะไม่มีการเจอทองคำและแร่ธาตุที่มีราคาสูงค.ศ.1604 ซามูเอล เดอ ฌ็องแปล็ง ตั้งสถานีการค้าตรงที่ปัจจุบันเรียกว่านครควิเบก สถานีนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของอาณานิคมนิวฟรานซ์ คนฝรั่งเศสที่เข้าไปส่วนใหญ่ทำอาชีพนักล่าและนำขนสัตว์ไปขาย กระทั่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 อังกฤษอ้างสิทธิครอบครองนิวฟันด์แลนด์ ชายฝั่งแลบราดอร์ และโนวาสโกเชียรัฐบาลอังกฤษอนุญาตให้บริษัทฮัดสันส์เบย์ได้รับสิทธิจับจองดินแดนและทำการค้าในแคนาดา การแข่งขันกันทำให้เกิดสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ค.ศ.1754-1763 ฝรั่งเศสเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ผมนำประวัติศาสตร์แคนาดามารับใช้ เพราะขณะนี้มีการเจอหลุมฝังศพเด็กชาวพื้นเมืองแล้ว 2 หลุม หลุมแรกเจอเมื่อพฤษภาคม 2564 มีเด็กนักเรียนถูกฝัง 215 คน พอมาถึงมิถุนายน 2564 ก็เจอหลุมฝังเด็กชาวพื้นเมือง 751 คน แสดงให้เห็นว่าในอดีต พวกฝรั่งผิวขาวเอาศพเด็กนักเรียนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ มาฝังหมู่ ซึ่งตอนนี้กำลังมีการขุดค้นหาหลุมอื่นอีกต่อไปค.ศ.1831-1998 เป็นเวลานานถึง 167 ปี ที่ฝรั่งผิวขาวพรากลูกหลานของชาวพื้นเมืองจากครอบครัว บังคับให้มาอยู่โรงเรียนประจำ ส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนสังกัดศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ความมุ่งหวังตั้งใจของฝรั่งก็คือ ไม่ต้องการให้เด็กพื้นเมืองอยู่กับครอบครัว ไม่ต้องการให้เด็กสืบวัฒนธรรมประเพณีและภาษาของบรรพบุรุษ เมื่อเด็กมาอยู่รวมกันในโรงเรียนแล้ว ก็ถูกบังคับให้เลิกความเชื่อแบบเดิม และบังคับให้เข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์เด็กถูกห้ามพูดภาษาพื้นเมือง ไม่ให้มีการติดต่อพ่อแม่ มีชีวิตในสภาพแวดล้อมที่สกปรก อาหารไม่ได้คุณภาพ อาคารที่พำนักพักอาศัยไม่ดี มีเครื่องอำนวยความสะดวกไม่พอ แคนาดาเป็นประเทศที่อยู่ในเขตหนาว พวกชนพื้นเมืองมีภูมิปัญญาท้องถิ่นป้องกันความหนาวเหน็บ แต่เด็กเหล่านี้ถูกนำมากักอยู่ในอาคารที่ไม่ให้ความอบอุ่นเด็กพื้นเมืองที่ถูกพรากจากครอบครัวไม่ใช่มีแค่หลักพันหรือหลักหมื่น ทว่ามีมากเกินแสนคน เรื่องเล่าของชาวพื้นเมืองที่พูดถึงความโหดร้ายของพวกคนผิวขาวที่เข้ามาแย่งแผ่นดินนั้นโศกาอาดูรยิ่งนัก ไม่ได้มีเพียงเด็กเท่านั้นที่ตายอย่างทรมาน ผู้ใหญ่ก็ตายไม่น้อย เรื่องราวเหล่านี้ถูกเล่าจากรุ่นสู่รุ่น รัฐบาลแคนาดาเคยพยายามปกปิด และสร้างภาพลักษณ์ให้ตนเองเป็นพวกปกป้องสิทธิมนุษยชน ทว่าในความเป็นจริง คนกลุ่มนี้นี่แหละ โหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ยิ่งนักการพบหลุมฝังศพนักเรียนพื้นเมืองในแคนาดาเป็นการกระชากหน้ากากคนบาปในคราบนักบุญครั้งใหญ่ของโลก จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาพยายามโยนโอนความผิดไปให้ศาสนจักร ด้วยการขอให้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกรับผิดชอบ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com