เป็นประเด็นที่ออกความเห็นกันมากในขณะนี้ก็คือการประชุมจี 7 เมื่อ 5 พฤษภาคม 2564 ของอังกฤษ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังมีรัฐมนตรีรับเชิญอีก 4 ประเทศ คือออสเตรเลีย อินเดีย เกาหลีใต้ และแอฟริกาใต้
การประชุมจี 7 ครั้งนี้ มีการท้าทายจีนและทำให้จีนโมโหโกรธามาก เพราะพวกจี 7 สนับสนุนให้สาธารณรัฐจีน หรือไต้หวัน ซึ่งจีนถือว่าดินแดนส่วนหนึ่งของตัวเอง ให้ไปเป็นสมาชิกขององค์การอนามัยโลกและสมัชชาอนามัยโลก หมายความว่าพวกกลุ่มประเทศจี 7 ยอมรับว่าไต้หวันเป็นรัฐเอกราชชาติหนึ่ง
ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลจีนเท่านั้นที่โมโหโกรธา แม้แต่ประชาชนคนจีนเองก็ไม่พอใจและโวยวายที่ตะวันตกกับญี่ปุ่นมาจุ้นจ้านกับกิจการภายในของพวกตน ย้อนหลังกลับไปในประวัติศาสตร์ ฝรั่งมังค่าพวกนี้และญี่ปุ่นก็เคยกระทำย่ำยีกับจีนมาอย่างซ้ำซาก สมัยก่อนตอนโน้น จีนโต้ตอบพวกฝรั่งและญี่ปุ่นไม่ถนัด เพราะตอนนั้นจีนเป็นคนป่วยของเอเชีย
จีนรู้อยู่ตลอดเวลาว่าถึงยังไง ตนจะต้องโดนพวกตะวันตกเล่นงานแน่ จีนจึงเตรียมตัวพร้อมอย่างเต็มที่ และเตรียมการป้องกันตนไว้อย่างต่อเนื่องทั้งด้านการทหาร เศรษฐกิจ และสะสมเพื่อนที่เป็นประเทศเล็กชาติน้อยในสังคมโลก โดยเฉพาะประเทศในทวีปเอเชียและแอฟริกาที่เคยโดนฝรั่งปกครองมาก่อน
พ.ศ.2564 จีนไม่ได้เป็น the sick man of Asia หรือคนป่วยแห่งเอเชียแล้ว แต่เป็น the strong man of Asia บุรุษผู้แข็งแรงแห่งเอเชีย แถมจีนยังไต่ไปได้ในระดับโลก ถึงขนาดเป็น the great power มหาอำนาจเสียด้วยซ้ำ
ทุกครั้งที่โดนตะวันตกเล่น ประธานาธิบดีและคณะผู้นำของจีนจะเก็บปากเก็บคำ แต่จะปล่อยให้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาตะโกนก้องร้องตอบแทน คราวนี้ก็เหมือนกัน นายหวัง เหวิน ปิน โฆษกฯ ออกมาบอกว่าการที่จี 7 พูดอย่างนี้ เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง สิ่งที่กลุ่มจี 7 ควรทำก็คือ หันไปกระตุ้นเศรษฐกิจอันตกต่ำย่ำแย่ของพวกตัวเองให้มันดีขึ้น พร้อมทั้งตะโกนร้องเตือนเป็นครั้งที่ 1,280,231 ว่า “ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน” และจีนต่อต้านตัวแทนอย่างเป็นทางการของไต้หวันบนเวทีโลก
...
จีนใช้มาตรการตอบโต้ด้วยวิธีการถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศในกรณีนี้อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ซึ่งจีนมักทำในรูปแบบซ้อมรบในดินแดนของตนและในทะเลหลวง เพื่อบีบทางอ้อมให้ประเทศที่เล่นงานจีนแก้ไขสถานการณ์ อย่างในห้วงช่วงที่ผ่านมา จีนก็ทำการซ้อมรบที่ฝูเจี้ยน
ฝูเจี้ยนเป็นมณฑลหนึ่งของจีน แม้การแสดงแสนยานุภาพทางทหารในดินแดนของตนจะเป็นวิธีการที่ถูกกฎหมาย แต่ถ้าทำเพื่อข่มขู่ประเทศใดประเทศหนึ่งก็จะกลายเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมายทันที เพราะตามกฎบัตรสหประชาชาติข้อ 2 วรรค 4 บัญญัติให้สมาชิกสหประชาชาติละเว้นการข่มขู่ประเทศอื่น การซ้อมรบของจีนจึงไม่ได้ประกาศเจตนาเพื่อไม่ให้พวกฝรั่งมังค่ากล่าวหาว่าจีนทำในสิ่งที่ผิดกฎบัตรสหประชาชาติ
จีนพุ่งกระฉูดส่งตูดจัมโบ้ทุกด้าน พวกตะวันตกจึงต้องชุมนุมสุมศีรษะรวมตัวกันยับยั้งจีนให้ได้ ในอดีตกลุ่มจี 7 ไม่เคยพูดถึงไต้หวันตรงๆ นี่เป็นครั้งแรกนะครับ คนที่ตามการเมืองระหว่างประเทศ และเคยศึกษาสาเหตุของสงครามครั้งต่างๆ ก็คงจะรู้สึกเหมือนผมว่า ตะวันตกกระเหี้ยนกระหือรือที่จะปฏิบัติการกับจีนแล้วจริงๆ โดยเริ่มจากการที่จะต้องทำให้จีนฟิวส์ขาด ให้จีนออกอาการเป๋ในเวทีระหว่างประเทศ แต่ผู้อ่านท่านเชื่อเถิด จีนไม่หางโผล่ออกมาให้ฝรั่งเห็นแน่นอน
ผมคิดว่าจีนจะเก็บตัวเองต่อไปอีกสักระยะ เพราะจีนรู้ตัวว่าตนกำลังโดนหมากล้อม สิ่งที่สหรัฐฯพยายามทำอยู่ก็คือ การโดดเดี่ยวจีน จีนกลัวการถูกตัดห่วงโซ่อุปทาน คือการถูกแยกออกไปอยู่ในโลกของตนเอง อยู่คนเดียวเปลี่ยวกาย ไม่ให้มาเชื่อมกับโลกทั่วไป ซึ่งถ้าโดนอย่างนั้น จีนก็จะเดี้ยง และจะต้องกลับไปเป็น the sick man of Asia เหมือนในอดีต.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com