ทัศนคติของผู้คนที่มีต่อการค้าของโลกมี 2 อย่าง อย่างแรกมีความเชื่อในเรื่อง ‘พหุภาคี’ พวกนี้จะเชื่อเรื่องการค้าเสรี ที่เป็นความร่วมมือกันของประเทศต่างๆ ประเทศจำนวนมากมาออกกฎเกณฑ์การค้าและใช้กฎเกณฑ์นั้นเดียวกัน องค์การการค้าโลก หรือ WTO ก็ดำเนินงานตามความเชื่อในเรื่องของพหุภาคี ทุกประเทศมีสิทธิเสมอเท่าเทียมกันในการทำการค้าอีกพวกหนึ่งเชื่อในเรื่องของ ‘ทวิภาคี’ เป็นการคบค้าสมาคมระหว่าง 2 ประเทศ ความเชื่ออย่างทวิภาคีทำให้ประเทศใหญ่ได้เปรียบ ประเทศใหญ่มีอิทธิพลเหนือกว่าประเทศคู่ค้าที่เป็นประเทศเล็กชาติน้อยกระจิริดกระจ้อยร่อย

นักการเมืองระดับโลกที่มีความเชื่อเรื่องทวิภาคีอย่างเห็นชัดเจนที่สุดคือ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนนี้ไม่ชอบกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก แถมยังชอบยึดเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทระนงตนว่าตัวเองเป็นผู้นำประเทศใหญ่และเที่ยวข่มขู่รังแกประเทศอื่น

ทรัมป์สอดส่ายสายตาหาเรื่องที่จะเล่นงานจีนอยู่ตลอดเวลา ตอนได้เป็นผู้นำสหรัฐฯใหม่ๆ ทรัมป์กล่าวหาว่าจีนอุดหนุนและให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ผลิตในประเทศ นอกจากนั้น จีนยังเฉยเมยต่อการที่บริษัทจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างไม่เป็นธรรม ใครไปลงทุนในจีนก็ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลจีน เมื่อ พ.ศ.2561 สหรัฐฯจึงลงโทษด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน ที่เรารู้จักกันในนามสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่เรียกว่า ‘สงครามการค้า’ ก็เพราะรัฐบาลจีนก็ตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเช่นเดียวกัน

ทันทีที่โดนขึ้นภาษีนำเข้า จีนก็นำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการขององค์การการค้าโลก โดยฟ้องว่าสหรัฐฯละเมิดกฎการค้าขององค์การการค้าโลก หลังจากนั้น องค์การการค้าโลกก็นัดผู้แทนทั้งของสหรัฐฯและจีนมาเจรจากันหลายครั้ง ก่อนที่จะมีการวินิจฉัยและตัดสินข้อพิพาท

...

15 กันยายน 2563 องค์การการค้าโลกวินิจฉัยและตัดสินว่าสหรัฐฯละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศ โดยสหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนในช่วงแรกของสงครามการค้ามากถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสหรัฐฯเป็นผู้ทำลายการค้าแบบพหุภาคี

ผู้แทนการค้าสหรัฐฯโวยว่า องค์การการค้าโลกวินิจฉัยและตัดสินเข้าข้างจีน ไม่เห็นสนใจเรื่องที่จีนขโมยเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ทั้งที่สหรัฐฯส่งหลักฐานทั้งหมดไปให้แล้ว แต่องค์การการค้าโลกกลับเฉย สหรัฐฯต้องปกป้องตัวเองในเรื่องนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่ปล่อยให้จีนอาศัยองค์การการค้าโลกเอาเปรียบแรงงาน ภาคธุรกิจ และเกษตรกรชาวไร่ของสหรัฐฯ

ตอนที่รณรงค์หาเสียงแข่งกับนางคลินตันเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว ทรัมป์หาประเด็นที่จะเอาชนะนางคลินตันได้ยาก และสุดท้ายทรัมป์ก็ใช้จีนเป็นเหยื่อ เพราะผลของการวิจัยพบว่าคนอเมริกันแขยงแขงขนคนจีน กลัวว่าจีนจะเขยิบสถานะขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเบอร์ 1 ของโลกแทนตัวเอง ทรัมป์จึงใช้นโยบาย America First หรืออเมริกามาก่อน ปรากฏว่านโยบายนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนอเมริกันส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวก White Supremacy ซึ่งเป็นพวกที่เชื่อว่าคนผิวขาวเหนือกว่าคนผิวสีอื่น

ผมว่าบทลงโทษในกฎเกณฑ์ต่างๆขององค์การระดับโลกไม่ว่าจะเป็นจากสหประชาชาติ หรือองค์การการค้าโลก ลงโทษได้แต่กับพวกประเทศเล็กชาติน้อยที่ไม่มีทางสู้ ส่วนกับประเทศใหญ่ลงโทษได้ยาก อย่างในเรื่องนี้ สหรัฐฯมีเวลา 60 วันในการแย้งคำตัดสิน ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า สหรัฐฯจะแย้งยังไง และถ้าองค์การการค้าโลกลงโทษจริงๆ สหรัฐฯจะปฏิบัติตามไหม

การบริหารองค์การระดับโลกต้องใช้เงินมหาศาล เงินส่วนใหญ่ก็มาจากการบริจาคของประเทศสมาชิก ประเทศใหญ่ก็บริจาคมาก บางประเทศติดหนี้เงินบริจาคนานหลายปี สหรัฐฯเป็นประเทศหนึ่งที่ให้เงินบริจาคกับองค์การระดับโลกต่างๆจำนวนมาก สหรัฐฯจึงไม่กลัวดอกครับ เพราะรู้ว่า ถ้าตัวเองถอนการสนับสนุน องค์การระดับโลกเหล่านี้จะอยู่ได้ยาก.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com