(แฟ้มภาพ AFP)ระยะหลังมักมีรายงานอยู่บ่อยๆเกี่ยวกับการขยายอิทธิพลทางการทหารของกองทัพจีนในมหาสมุทรแปซิฟิก และส่วนใหญ่จะไปในประเด็นการคุกคามเสถียรภาพของภูมิภาคแต่ในความเป็นจริงแล้ว การขยับขับเคลื่อนทางการทหาร ไม่ว่าของประเทศไหน ก็สามารถมองได้ว่ามีผลต่อเสถียรภาพทั้งสิ้น ขึ้นอยู่กับว่ามองในมุมใด แน่นอนการขยับของจีนย่อมมีผลกระทบต่ออาเซียน โดยเฉพาะชาติที่กำลังมีข้อพิพาท ซึ่งขณะเดียวกัน หากเป็นอเมริกาที่ไปขยับในตะวันออกกลาง ก็ย่อมมีผลต่อภูมิภาคนั้นสาเหตุที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพสหรัฐฯได้ทำการเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ด้วยการสั่งปรับปรุงฐานทัพอากาศขนานใหญ่บน “เกาะเวก” ด้วยตัวเลขงบประมาณหลักร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯทั้งนี้ เกาะเวก ตั้งอยู่ระหว่างญี่ปุ่นกับฮาวาย และเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางความมั่นคงมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากสามารถใช้เป็นจุดพักกำลังพล เพื่อการรุกรานขั้นต่อไป เหมือนตอนที่ญี่ปุ่นบุกยึดหวังรุกต่อไปยังเพิร์ล ฮาร์เบอร์ และพอเปลี่ยนมือมาเป็นสหรัฐฯ ก็ถูกใช้เป็นฐานทางเลือกสำหรับเติมน้ำมันเครื่องบินทิ้งระเบิดในช่วงสงครามเกาหลีและเวียดนามในกรณีที่ฐานเกาะกวม ยุ่งจนไม่สามารถรับรองได้โดยจากภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า ฐานทัพอากาศของสหรัฐฯบนเกาะ ได้ทำการขยายสนามบินให้รองรับเครื่องบินรบและเครื่องบินทิ้งระเบิดได้ทุกชนิดที่อเมริกาครอบครองอยู่ ปูลานจอดพักเครื่องบินเพิ่ม ไปจนถึงการตั้งฟาร์มโซลาร์เซลล์ หวังลดการใช้ทรัพยากรนักวิเคราะห์ความมั่นคงสหรัฐฯมองในเชิงยุทธศาสตร์ว่า หากเกิดความขัดแย้งกับชาติมหาอำนาจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก อย่างประเทศจีน รัสเซีย หรือเกาหลีเหนือ ฐานทัพอากาศบนเกาะเวก ถือเป็นจุดที่เหมาะสม เนื่องจากอยู่พ้นระยะขีปนาวุธพิสัยใกล้ของชาติดังกล่าว และถึงจะไม่พ้นระยะขีปนาวุธพิสัยกลาง แต่ก็จะไม่ต้องรับศึกหนักเหมือนเกาะกวม ทางภาคใต้ของญี่ปุ่น ที่จะโดนยิงถล่มตลอดเวลาอย่างแน่นอนและเกาะนี้เองที่จะเป็นตัวแปรสำคัญของการรบแบบยืดเยื้อ เพื่อช่วงชิงน่านฟ้ามาจากศัตรู ปูทางให้กองเรือ และทหารรบเข้าปฏิบัติการรบที่จำเป็นได้ต่อไป.ตุ๊ ปากเกร็ด