วันเสาร์สบายๆ การ์ดไม่ตกวันนี้ ผมชวนท่านผู้อ่านไปคุยเรื่องประเทศไฮโซรํ่ารวย สวิตเซอร์แลนด์ กันสักวันนะครับ การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เราได้เห็นโลกในด้านมืดมากมายที่ไม่เคย เปิดเผยมาก่อน ใครจะเชื่อว่า สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อคน 83,832 ดอลลาร์ ประมาณคนละ 2.6 ล้านบาท รํ่ารวยเป็นอันดับ 3 ของโลก จะมีคนยากจนแฝงเร้นอยู่มากมายกว่าล้านคน ในจำนวนประชากรอันน้อยนิด เพียง 8.5 ล้านคน
เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานว่ามีคนจน 7.9% ราว 5.37 ล้านคน จากประชากร 68 ล้านคน แต่ ธนาคารโลก เปิดเผยตอนต้นปีว่า ปี 2561 ไทยมีคนจนเพิ่มขึ้นเป็น 9.85% ราว 6.7 ล้านคน แต่ตอนลงทะเบียนแจกเงิน มีคนจนกว่า 30 ล้านคนที่ขอรับความ ช่วยเหลือเดือนละ 5 พันบาทจากรัฐบาล ตัวเลขต่างกันฟ้ากับดิน
วารสาร “การเงินธนาคาร” ฉบับเดือนมิถุนายน ได้เปิดเผยภาพใน สวิตเซอร์แลนด์ ที่ไม่สวยงามเหมือนภาพ ยอดเขาจุงเฟรา ยอดเขาแมทเธอฮอร์น ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสวยงาม หลังจากไวรัสโควิด-19 ระบาดไปทั่วทวีปยุโรป ส่งผลให้สวิสมีผู้ติดเชื้อล่าสุดกว่า 31,000 ราย เสียชีวิตเกือบ 2 พันคน รัฐบาลสวิสสั่งปิดธุรกิจ ปิดสถานที่ท่องเที่ยวทุกแห่งล็อกดาวน์เมืองอย่างฉับพลัน เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด ผลกระทบที่ตามมาก็คือความยากลำบากของผู้คนในการทำมาหากิน
วารสาร “การเงินการธนาคาร” รายงานว่า นครเจนีวา ของสวิสที่ตั้งอยู่ริม ทะเลสาบเจนีวา อันสวยงาม เป็นเมืองที่มีภาพลักษณ์แพงไปหมด เพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญ พลเมืองมีงานทำในระดับดีเยี่ยม มีธนาคาร เก่าแก่มากมาย เชี่ยวชาญการบริการทางการเงินให้ลูกค้ามหาเศรษฐี เป็นที่เก็บทรัพย์สินเงินทองของมหาเศรษฐีและนักการเมืองทั่วโลก และเงินทองที่ได้มาจากการทุจริตคอร์รัปชัน รวมทั้งเศรษฐีไทยและนักการเมืองไทยด้วย มีบ้านพักตากอากาศหรูสำหรับมหาเศรษฐีในบรรยากาศเทือกเขาแอลป์ให้มองเห็นทะเลสาบและหิมะได้ทั้งปี ใครอยากให้ดูไฮโซ ก็ต้องซื้อนาฬิกาสวิสแบรนด์หรูราคาแพงมาสวมใส่
...
แต่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับฉายภาพให้เห็น คนสวิสอีกกลุ่มหนึ่งในนครเจนีวา กระวีกระวาดออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 เพื่อเข้าคิวรอรับของบริจาคจากสมาคม Caravane de Solidarite ที่นำสิ่งของมาแจกผู้เดือดร้อนทุกวันเสาร์ตั้งแต่เดือนมีนาคาที่ผ่านมา รวมทั้งคนยากไร้ที่เคยหลบๆซ่อนๆมาเป็นเวลานาน ก็ออกมาปรากฏตัวขอรับอาหารและสิ่งของบริจาคเข้าคิวกันยาวเกือบ 2 กม. ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย ยืนห่างกันตามกติกา social distancing แม้จะต้องรอนานถึง 4 ชั่วโมง แต่ทุกคนก็ได้รับของบริจาคอย่างทั่วถึง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกอาทิตย์
สวิตเซอร์แลนด์ เป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ร่ำรวยชาติหนึ่งในยุโรป มีประชากรราว 8.5 ล้านคน จีดีพีปีล่าสุดอยู่ในอันดับที่ 20 ของโลก กว่า 715,000 ล้านดอลลาร์ พลเมืองสวิสมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีที่ 83,832 ดอลลาร์ ประมาณ 2.6 ล้านบาท รวยเป็นอันดับ 3 ของโลก เมื่อไวรัสโควิดระบาด เราก็ได้เห็นภาพอีกมุมหนึ่งของสวิส ดินแดนไฮโซแห่งนี้มีพลเมืองที่อยู่ในข่ายยากจนประมาณ 8% ของพลเมืองทั้งหมด เปอร์เซ็นต์คนจนใกล้เคียงกับไทยเลยทีเดียว และยังมีกลุ่มคนที่อยู่ในข่ายล่อแหลมที่พร้อมจะกลายเป็นคนยากไร้และยากจนอีกนับล้านคน ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์สวิสก็มีคนจนมากกว่าไทยด้วยซ้ำ
ไม่น่าเชื่อใช่ไหม ประเทศสังคมไฮโซที่ร่ำรวยมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวรวยอันดับ 3 ของโลก จะมีคนยากจนมากมายขนาดนี้
ภาพคนจนในสวิส มีให้เห็นทุกประเทศในยุโรป รวมทั้งสหรัฐฯ ที่มีจีดีพีอันดับ 1 ของโลก คนจนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า จีดีพีไม่ได้วัดฐานะความเป็นอยู่หรือความสุขของประชาชน แต่ใช้วัดความร่ำรวยของเศรษฐีเพียง 1% ของพลเมืองโลกเท่านั้น นี่คือความเหลื่อมล้ำที่เป็นอยู่ในโลกปัจจุบัน.
“ลม เปลี่ยนทิศ”