“เอล นีโญ” (El Niños) เป็นปรากฏการณ์ด้านสภาพภูมิอากาศในมหาสมุทร มีอิทธิพลต่อรูปแบบสภาพอากาศทั่วโลกอย่างมาก ทำให้เกิดทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งโดยขึ้นอยู่กับภูมิภาค ปรากฏการณ์นี้เชื่อมโยงกับน้ำอุ่นตามระยะแนวเส้นศูนย์สูตร บริเวณพื้นที่ภาคกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก มักจะเกิดขึ้นทุกๆ 3-7 ปีและในครั้งหนึ่งอาจนานถึง 2 ปี

ในปี พ.ศ.2559 ปรากฏการณ์เอล นีโญก่อให้เกิดปะการังฟอกขาวจำนวนมากบนแนวปะการังมรดกโลกทางธรรมชาติอย่างเกรท แบร์ริเออร์ รีฟในออสเตรเลีย มีงานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่าเอล นีโญเชื่อมโยงกับภัยแล้งรุนแรงในแอฟริกา อเมริกาใต้ และภูมิภาคอื่นๆ ในมหาสมุทร แปซิฟิก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มีงานวิจัยเมื่อปีที่ผ่านมาเพิ่งตีพิมพ์ในวารสารไซเอนซ์ แอดวานซ์ (Science Advances) พบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เพิ่มความถี่ของปรากฏการณ์เอล นีโญในภูมิภาคแปซิฟิกโดยมุ่งไปที่มหาสมุทรอินเดีย ซึ่งทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ในสหรัฐอเมริกา ได้วิเคราะห์แบบจำลองสภาพภูมิอากาศ 36 แบบจากโครงการคาดการณ์สภาพภูมิอากาศจากแบบจำลองต่างๆ (Coupled Model Intercomparison-CMIP)

ทีมได้เลือกแบบจำลองที่ตรงกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน และอย่างแม่นยำที่สุด มาวิเคราะห์ว่าภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในมหาสมุทรอินเดียอย่างไร พวกเขาเผยว่าการเพิ่มหรือลดอุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยเพียงไม่กี่องศาก็อาจทำให้มหาสมุทรอินเดียมีพฤติกรรมคล้ายกับปรากฏการณ์เอล นีโญที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรเขตร้อนอื่นๆ โดยเชื่อว่าจะเริ่มส่งผลภายใน 30 ปีข้างหน้า

...

จริงๆแล้วมหาสมุทรอินเดียกับปรากฏการณ์เอล นีโญ ไม่ใช่สิ่งแปลกหน้าต่อกัน ว่ากันตามตรงทั้งคู่เคยพบปะกันมาเมื่อกว่า 20,000 ปีที่แล้วในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย การจะเกิดขึ้นอีกครั้งก็ขึ้นอยู่กับอัตราภาวะโลกร้อน ซึ่งหากรูปแบบของเอล นีโญโผล่ออกมาเหนือมหาสมุทรอินเดีย หรือภูมิภาคอื่นๆ อย่างแอฟริกา เอเชีย ออสตราเลเซีย ที่มีความอ่อนไหวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงที่สุด ก็อาจเห็นการเพิ่มขึ้นของพายุ น้ำท่วม และภัยแล้งตามมา.

ภัค เศารยะ