นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวแสดงความห่วงกังวลสถานการณ์โลกสืบเนื่องจากภัยระบาดของโคโรนาไวรัส “โควิด-19” กำลังนำไปสู่ “กระแสความเกลียดชังและเกลียดกลัว” ชาวต่างชาติ จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายเกี่ยวข้องต้องหยุดการกระทำดังกล่าวและหยุดความพยายามแสวงหาแพะรับบาปต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุความเคลื่อนไหวต่อต้านเกลียดกลัวชาวต่างชาติในหลายประเทศ เกิดขึ้นมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ นอกเหนือจากการพบเห็นปรากฏการณ์ความเกลียดกลัวตามท้องถนนแหล่งชุมชน รวมถึงเกิดความพยายามตั้งทฤษฎีสมคบคิดเสาะแสวงหาแหล่งที่มาที่ไปของเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจากที่ใดกันแน่
ทั้งนี้ ความคิดเห็นของเลขาธิการสหประชาชาติสืบเนื่องมาจากกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ พยายามอ้างว่า ต้นตอของไวรัสโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องทดลองในเมืองอู่ฮั่นของจีน แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันข้ออ้างนี้ชัดเจน ขณะที่รัฐบาลจีนแสดงท่าทีพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน รวมถึงองค์การอนามัยโลก (WHO) สืบหาต้นตอการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ชาติมหาอำนาจสหรัฐฯกับจีนยิ่งมึนตึงต่อกัน
นายกูเตอร์เรสกล่าวเรียกร้องถึงเหล่าผู้นำโลกควรหันมาให้ความร่วมมือกันเป็นปึกแผ่นต่อสู้กับโรคโควิด-19 ทั้งแสดงความห่วงกังวลถึงเหล่าผู้อพยพลี้ภัยทั่วโลก ซึ่งต้องเผชิญชะตากรรมร้ายเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งยังไม่มียารักษาหรือมีวัคซีนป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพชัดเจน
...
ขณะเดียวกัน เลขาธิการสหประชาชาติก็เรียกร้องถึงสื่อมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสังคมออนไลน์ให้ตระหนักถึงผลร้ายจากการแพร่กระจายข่าวที่ยิ่งก่อให้เกิดความเกลียดชังแตกแยกระหว่างผู้คนต่างเชื้อชาติ ต่างศาสนา และต่างเผ่าพันธุ์ซึ่งจะทำให้สังคมชุมชนเกิดความวุ่นวาย
ส่วนผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้คนชาวอเมริกันต้องตกงานเพิ่มอีกถึงกว่า 3.2 ล้านคน รวมชาวอเมริกันตกงานแล้วกว่า 33.3 ล้านคนและสถานการณ์ส่อเค้ารุนแรงมากขึ้นอีก.