เมื่อ 5 เม.ย. นายแอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกแถลงการณ์เป็นอักษรและวิดีโอ มีการแปลหลายภาษาเผยแพร่ไปทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศต่างๆ รวมเอาการปกป้องสตรีไว้ในมาตรการรับมือต่อสู้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาด้วย หลังมีรายงานความรุนแรงในครอบครัวพุ่งขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่ประเทศต่างๆใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์” ห้ามคนออกจากบ้านเรือนเพื่อยับยั้งโควิด-19 ก่อนหน้านี้ นายกูเตอร์เรสก็เรียกร้องให้คู่ศึกสงครามทั่วโลกหยุดยิง เพื่อร่วมมือกันต่อสู้กับโควิด-19

นายกูเตอร์เรสเผยว่า สำหรับสตรีและเด็กผู้หญิงจำนวนมาก ภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดอยู่ในบ้านของตัวเอง ซึ่งควรเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุด ความรุนแรงในครอบครัวที่พุ่งขึ้นน่าตกใจยิ่ง ขอให้รัฐบาลประเทศต่างๆบรรจุมาตรการป้องกันยับยั้งการก่อความรุนแรงกับสตรีเป็นส่วนหลักของแผนต่อสู้โควิด-19 ระดับชาติ ขอให้ตั้งระบบแจ้งเตือนภัยการก่อความรุนแรงกับสตรีในร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อ หาช่องทางที่ปลอดภัยให้สตรีขอความช่วยเหลือโดยไม่ให้ผู้ก่อความรุนแรงล่วงรู้ เราต้องร่วมมือกันป้องกันความรุนแรงกับสตรีทุกหนทุกแห่ง ตั้งแต่สมรภูมิรบจนถึงในบ้านเรือนของประชาชน ขณะที่ต่อสู้กับโควิด-19 ขอให้มีสันติภาพที่บ้านและในบ้านทั่วโลก

คณะกรรมการสตรีแห่งชาติอินเดียเผยว่า มีรายงานการก่อความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้น 2 เท่าในสัปดาห์แรกของการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอินเดีย ส่วนในฝรั่งเศส การก่อความรุนแรงในครอบครัวก็เพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 3 ในสัปดาห์แรกของการล็อกดาวน์ ขณะที่ในออสเตรเลีย สถิติการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับการขอความช่วยเหลือเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวก็
เพิ่มขึ้นถึง 75%

...

ด้านรัฐบาลมาเลเซียถูกโจมตีอย่างหนักทั้งจาก ส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล หลังอนุญาตให้บริษัทผู้ผลิตเบียร์ “ไฮเนเกน” เริ่มผลิตเบียร์ป้อนตลาดได้อีกครั้งแบบจำกัด แม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์ต่อสู้โควิด-19 จนถึง 14 เม.ย.เป็นอย่างน้อย ส่งผลให้ราคาหุ้นบริษัทไฮเนเกนมาเลเซียพุ่งขึ้นกว่า 1% อนึ่ง ทางการโคลอมเบียเผยว่า ชาวเวเนซุเอลาที่อพยพหนีวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศเข้าสู่โคลอมเบียเริ่มหลั่งไหลกลับประเทศแล้วกว่า 600 คน รวมทั้งสตรี 167 คน เด็ก 35 คน เพราะความทุกข์ยากและตื่นกลัวเชื้อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในโคลอมเบียเช่นกัน โดยโคลอมเบียมีผู้ติดเชื้อแล้ว 1,485 ราย เสียชีวิต 35 ราย ส่วนเวเนฯมีผู้ติดเชื้อ 159 ราย เสียชีวิต 7 ราย.