จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ ทำให้ประชาคมโลกดูเหมือนจะร่วมแรงร่วมใจกันยิ่งกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ไม่วายที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นจนได้

เหมือนอย่างสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า กองทัพเรือเวเนซุเอลา ถึงกับเปิดฉากยิงขู่ใส่เรือสำราญสัญชาติโปรตุเกส “อาร์ซีจีเอส เรโซลูต” ในพื้นที่เกาะทอร์ทูกา ทะเลแคริบเบียน หลังอ้างว่าฝ่ายหลังล่วงล้ำน่านน้ำเข้ามาเป็นระยะทาง 13 ไมล์ทะเล

โดยเป็นการลงมือของเรือลาดตระเวนรหัสจีซี-23 “เอเอ็นบีวี ไนกัวตา” ของกองทัพเรือเวเนฯ ที่มิได้เปิดเผยรายละเอียดชัดเจนว่าทำไมถึงต้องมีการใช้อาวุธ ขณะที่ทางบริษัทต้นสังกัดเรือสำราญระบุว่า เป็นการเดินเรือตามปกติ เพื่อทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์

แต่มีการกล่าวหาด้วยว่า ระหว่างที่กัปตันเรือกำลังติดต่อสำนักงานใหญ่นั้น เรือลาดตระเวนเวเนฯก็ไม่ลังเลที่จะใช้อาวุธ พร้อมพุ่งเข้าเบียดกราบขวาของเรือด้วยความเร็วหลายครั้ง เหมือนพยายามจะผลักดันให้เราเปลี่ยนเส้นทางเข้าสู่น่านน้ำเวเนซุเอลา

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่กระดูกคนละเบอร์ เรือสำราญมีระวาง 8,445 ตัน ประกอบกับเป็นเรือสำราญที่มีการติดเกราะกันกระแทก เพื่อล่องเรือในพื้นที่ขั้วโลกที่เต็มไปด้วยภูเขาน้ำแข็ง จึงทำให้เรือรบไนกัวตาระวางเพียง 1,720 ตัน ต้องประสบความล้มเหลว และจบลงด้วยผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด คือเรือรั่ว และจมลงในที่สุด

งานนี้กระทรวงกลาโหมเวเนฯกล่าวหากลับในเวลาต่อมาว่า เรือสำราญใจดำ ไม่มีแม้แต่จะให้ความช่วยเหลือลูกเรือรบที่จมลง กลับมุ่งหน้าตามเส้นทางต่อไป แต่ทางบริษัทก็โต้ว่ารอช่วยแล้ว แต่ไม่ได้รับการร้องขอ

ด้านนักวิเคราะห์ความมั่นคงมองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองหรือไม่ เพราะรัฐบาลเวเนฯกำลังมีปัญหากับรัฐบาลโปรตุเกส กรณีประกาศรับรองความชอบธรรมแกนนำฝ่ายค้านนาย ฮวน กวยโด ว่าคือผู้นำตัวจริงของเวเนฯ ไม่ใช่นายนิโคลาส มาดูโร ทั้งกล่าวหารุนแรงว่า สายการบินแห่งชาติโปรตุเกส ทีเอพี ช่วยเหลือนายกวยโดขนวัตถุระเบิดเข้ามาในเวเนฯ

...

แต่ก็มีบางส่วนมองด้วยว่า เกิดจากความเข้าใจผิดรึเปล่า เนื่องจากเรือสำราญลำนี้มีชื่อเดียวกับเรือสกัดยาเสพติด ยูเอสซีจีซี เรโซลูต ของคู่อริ “สหรัฐฯ” ที่ปฏิบัติการอยู่ในแคริบเบียนพอดี.

ตุ๊ ปากเกร็ด