ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังโดนพิษภัยจาก ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 (COVID–19) โจมตีจนต้องออกมาตรการรับมือกันเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นการปิดเมือง ปิดพรมแดน ไปจนถึงปิดประเทศ แต่สำหรับด้านสิ่งแวดล้อมก็มีเรื่องที่สวนทางและเป็นเรื่องใหญ่ไม่เบา เมื่อนักวิทยาศาสตร์พบว่ามลพิษทางอากาศลดลง หลังจากผู้คนเก็บตัวอยู่บ้าน งานภาคอุตสาหกรรมมีการชะลอหรือปิดตัวลง
ย้อนกลับไปทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจีน มีผู้เชี่ยวชาญเผยว่าในช่วงวันที่ 3 ก.พ.- 1 มี.ค. พบว่า การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง 1 ใน 4 ตัวเลขอยู่ที่ราวๆ 200 ล้านตัน เทียบได้กับประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่อังกฤษปล่อยออกมาในหนึ่งปี ตอกย้ำจากภาพดาวเทียมที่คล้ายกันซึ่งองค์การนาซาเผยว่าก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ลดลงอย่างมาก จากการที่ประชาชนงดกิจกรรมนอกบ้านและมีการชะลอในภาคอุตสาหกรรม
สถานการณ์นี้กำลังเกิดขึ้นกับอิตาลี เช่นกัน เมื่อองค์การอวกาศยุโรปเผยแพร่ภาพจากวิดีโอตามระยะเวลาที่ถ่ายจากมุมมองเหนือโลก เริ่มตั้งแต่ต้นปีจนถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการลดลงของการปล่อยก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่ปล่อยออกมาจากรถยนต์ โรงไฟฟ้า และโรงงาน ทางภาคเหนือของอิตาลี มลพิษทางอากาศทางเหนือของอิตาลีลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อโรงงานเหล่านี้ปิดและหยุดการทำงาน อันมีสาเหตุจากการระบาดของไวรัสโคโรนาจนบังคับให้แดนมะกะโรนีต้องปิดประเทศ
อิตาลีถือเป็นประเทศในฝั่งตะวันตกที่มีการระบาดใหญ่ที่สุดของเชื้อไวรัสโคโรนา การล็อกดาวน์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.พ. กิจกรรมตามปกติถูกระงับใน 11 เมืองทางตอนเหนือ ปิดทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย และสถานที่ท่องเที่ยวอีก 2 สัปดาห์ต่อมานายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ก็ประกาศขยายเขตกักกันโรคให้ครอบคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรอย่างน้อย 16 ล้านคน ถูกจำกัดการเดินทางและห้ามกิจกรรมทางวัฒนธรรม ในนครมิลาน มีสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรมปิดหลายแห่ง สายการบินก็ยกเลิกเที่ยวบินไปยังเมืองทางตอนเหนือของอิตาลี
...
การที่โรคระบาดส่งผลต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ อาจดูเป็นการแลกคืนหรือจะเรียกว่ามนุษย์ถูก “เอาคืน” จากธรรมชาติก็คงไม่เกินเลยนัก.
ภัค เศารยะ