แม้จะมีการคาดการณ์มาสักพักว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนา จะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า “การระบาดใหญ่” (Pandemic) ซึ่งหมายถึงว่าโรคได้แพร่กระจายระหว่างคนสู่คนไปในหลายประเทศทั่วโลกและเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ในที่สุด นายเทดรอส อัดนอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ได้ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยในวันที่ 11 มี.ค.ว่า โรคโควิด-ไนน์ทีน (Covid–19) เป็นภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก

ที่ต้องใช้คำนี้ก็เนื่องจากความกังวลอย่าง ลึกซึ้งเกี่ยวกับปัญหาของไวรัสโคโรนาที่อยู่ในระดับที่น่าตกใจ จริงๆแล้วคำว่า “ภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก” สงวนไว้สำหรับโรคติดเชื้อที่องค์การอนามัยโลกพิจารณาว่ามีความสำคัญและแพร่กระจายจากคนสู่คนในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีวัคซีนหรือการรักษาใดที่สามารถป้องกันได้

ข้อมูลบันทึกถึงวันที่ 12 มี.ค. ว่า ไวรัสโคโรนา ระบาดไปใน 124 ประเทศและเขตปกครองพิเศษ โดยทั่วโลกมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 126,502 ราย เสียชีวิต 4,637 ราย รักษาหายแล้ว 68,317 ราย ซึ่งจำนวนตัวเลขตามรายการต่างๆก็มีการขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามเรียลไทม์ อยู่ที่ว่าจะขยับเพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือกระโดดขึ้นอย่างน่าตกใจ

จริงอยู่ที่คำว่า “ภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก” อาจดูน่าตกใจ แต่ใช่ว่าจะต้องตื่น ตระหนกและหวาดกลัวอย่างไร้เหตุผล ทว่านี่เป็นโอกาสที่ทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันในการแก้ปัญหา ซึ่งองค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้ทุกประเทศมีการกระตุ้นและยกระดับกลไกการตอบโต้ในภาวะฉุกเฉิน ต้องเพิ่มมาตรการการค้นหา, แยก, ทดสอบ และรักษาทุกกรณีของโรคโควิด–ไนน์ทีน รวมถึงติดตามทุกกรณีที่มีการติดต่อสัมผัสอย่างจริงจัง

ที่สำคัญคือ รัฐบาลของแต่ละประเทศต้องสื่อสารกับผู้คนที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส และให้ข้อมูลวิธีที่ประชาชนจะสามารถป้องกันตัวเองได้.

...

ภัค เศารยะ