หลายๆคนอาจเข้าใจว่า “เยติ” คือแก้วเก็บความเย็นที่ฮิตถือกันไป ถือกันมา ใบเดียวดื่มน้ำเย็นๆได้ทั้งวัน ซึ่งจะว่าไปแล้วมันเกี่ยวโยงกับ “เยติ” อสูรกายร่างยักษ์ที่ยังเป็นปริศนาว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ แม้มีหลักฐานอะไรต่างๆ ปรากฏ ทั้งรอยเท้า อุปกรณ์ล่าสัตว์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่พบตกหล่นตรงนั้น ตรงนี้ บนเทือกเขาหิมาลัยคราวที่ไปทริปเนปาล ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว 2020 ของรัฐบาลเนปาล ได้ไปเยือน เมืองโปขรา ดินแดนแห่งขุนเขา หนึ่งในสถานที่วิวยอดเขาเลื่องชื่อตะลึงตา จนคนไทยน่าไปเยือน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และมีโอกาสแวะ พิพิธภัณฑ์เทือกเขาระหว่างประเทศ International Mountain Musuem ราคาตั๋วคนละ 500 เนปาลรูปี หรือราวๆ 166 บาทเข้าไปในห้องภาพยนตร์ฉายสารคดี เป็นเรื่องราวการบุกเบิกปีนเทือกเขาหิมาลัย การดำรงชีวิตของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ ใช้เวลาราว ๆ 20 นาที ก็ชมนิทรรศการและบรรดาสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องแต่งกายของแต่ละชนชาติพร้อมหุ่นขนาดใหญ่เท่าคนจริง นอกจากนี้ ยังมีบอร์ดวีรกรรมของนักปีนเขาคนสำคัญทั้งหลาย รวมไปถึงเชอร์ปา ไกด์นำทางท้องถิ่น การพิชิตยอดเขา เส้นทางในการฟันฝ่า อุปกรณ์การปีนเขา เดินดูไป อ่านไปจนถึงมุมสุด ลึกๆหน่อยของพิพิธภัณฑ์ ก็ไปเห็นมนุษย์หิมะ “เยติ” ผู้ลึกลับแห่งเทือกเขาหิมาลัย ยืนจังก้ากับวัวท้องถิ่น และมีบอร์ดเขียนเล่าเรื่องราวเชิงประวัติของการค้นพบ“เยติ” เป็นภาษาของชาวเชอร์ปา เคยมีคนสงสัยว่าคือตัวอะไร มนุษย์โบราณ มนุษย์หิมะ ลิง หรือหมี จนมายอมรับความจริงตามข้อพิสูจน์หลักฐานว่า “เยติ” ก็คือหมีสีน้ำตาล แม้ไม่เคยเห็นตัวจริงๆ จึงเป็นได้เพียงสัตว์ในจินตนาการที่เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2494 จาก นายเอริค ชิบตั้น ซึ่งถ่ายภาพรอยเท้าไว้ได้บนเทือกเขา Menlung gracier บนยอดเขาเอเวอเรสต์ แล้วยิ่งเมื่อปีที่ผ่านมา ก็มีข่าวที่ว่า ทีมปีนเขาของทหารอินเดียพบรอยเท้า “เยติ” ขนาดใหญ่มากบนผืนหิมะ ระหว่างปีนสำรวจภูเขาหิมาลัยในเขตเนปาล ที่ภูเขามากาลูหนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก อยู่ในเขตหุบเขามากาลู-บารุนและนี่เองรัฐบาลเนปาลจึงชูสิ่งมีชีวิตลึกลับเป็น “มาสคอต” ตัวนำโชค สัญลักษณ์การท่องเที่ยวในปีนี้...ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ