“ซิดนีย์” ระทึก หลังเกิดไฟป่าพร้อมกันหลายจุดทางตอนเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ห่างมหานครดังราว 60 กม.โดยขยายวงกินพื้นที่ภูเขากอสเปอร์สจนยากจะดับได้หมด คาดจะเจอเขม่าควันไฟปกคลุมเมืองนาน หลายสัปดาห์ ด้านหน่วยดับเพลิงประจำรัฐออกเตือนประชาชน อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงทันทีหากไม่มั่นใจ เพราะทำได้แค่ควบคุมไม่ให้เพลิงลุกลาม หวั่นสภาพอากาศที่ร้อนอุณหภูมิพุ่งแตะ 40 องศาฯ พื้นดินขาดความชุ่มชื้น ยิ่งทำให้พระเพลิงโหมกระหน่ำ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ไฟป่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ว่า สถานการณ์ไฟป่าระลอกล่าสุดในพื้นที่ทางเหนือนครซิดนีย์ เมืองเอกรัฐนิวเซาท์เวลส์ ขยายวงกินพื้นที่ลุกลามหนักจนยากที่จะดับไฟได้หมด โดยหน่วยดับเพลิงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW RFS) ระบุวันเดียวกันนี้ว่า พื้นที่ภูเขากอสเปอร์ส ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซิดนีย์ ได้กลายเป็นจุด “มหาเพลิง” (mega blaze) เนื่องจากเกิดไฟป่ากระจายเกือบร้อยจุดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.ก่อนลุกลามจนรวมตัวกันขยายวงครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 283,000 เฮกตาร์ หรือประมาณ 1.7 ล้านไร่ จึงขอเตือนประชาชนในพื้นที่ ที่ไม่มั่นใจว่าจะรับมือหรือปกป้องทรัพย์สินจากไฟป่าได้ให้อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงโดยทันที ขณะที่นักผจญเพลิงมากกว่า 2,200 คน ยังคงเดินหน้าดับไฟป่าด้วยความยากลำบาก
จากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น หน่วยดับเพลิง “NSW RFS” เชื่อว่า เขตไฟป่าพื้นที่ภูเขากอสเปอร์สดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากนครซิดนีย์ราว 60 กิโลเมตร หรือใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์เพียงหนึ่งชั่วโมง ยังไม่สามารถดับเปลวเพลิงที่ลุกโหมได้ อาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือมากกว่านั้น กว่าจะดับไฟได้หมด ขณะนี้ทำได้เพียงควบคุมไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ เพื่อรอให้สภาพอากาศเหมาะสม มีฝนตกอย่างหนักลงมาช่วย แต่สิ่งที่กังวลคือในวันที่ 10 ธ.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่า อุณหภูมิในพื้นที่นครซิดนีย์และอื่นๆของออสเตรเลียจะสูงถึง 40 องศาเซลเซียส บวกกับสภาพอากาศแห้งแล้ง สถานการณ์ไฟป่าอาจลุกลามหนักกว่านี้อีกมาก
หน่วยดับเพลิง “NSW RFS” ระบุต่อไปว่า นครซิดนีย์จะถูกปกคลุมด้วยเขม่าควันไฟป่าไปอย่างน้อยหลายสัปดาห์ กระนั้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ออสเตรเลียได้รับกำลังเสริมจากหน่วยดับเพลิงแคนาดา และสหรัฐฯ ที่อยู่ระหว่างประชุมรับทราบสถานการณ์ และจะลงพื้นที่ในเร็วๆนี้
...
ขณะเดียวกัน มีคลิปวิดีโอจากออเรนจ์วิลล์ เมืองเล็กๆในรัฐนิวเซาท์เวลส์ เผยให้เห็นนักผจญเพลิงวิ่งหนีจากแนวไฟป่าที่ก่อรวมตัวเป็นกำแพงไฟสูงท่วมหัวหลายเมตร ส่วนวนอุทยาน “วอล์กอเบาต์ ไวลด์ไลฟ์ พาร์ก” เร่งอพยพสัตว์หลายร้อยตัวป้องกันเป็นอันตรายจากไฟป่า และมีรายงานเฮลิคอปเตอร์สนับสนุนภารกิจดับไฟป่าประสบเหตุตกในพื้นที่ห่างนครซิดนีย์ไปทางเหนือราว 200 กิโลเมตร แต่นักบินบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
ข่าวระบุว่า นักผจญเพลิงบางคนแสดงความเป็นห่วงว่าจำนวนอาสาสมัครดับไฟป่าอาจมีไม่เพียงพอ ส่วนน้ำที่จะใช้ดับไฟป่า ก็เริ่มไม่เพียงพอเช่นเดียวกัน ด้านเชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ ผู้บัญชาการ “NSW RFS” ระบุว่าขณะนี้ดินและพืชพันธุ์ต่างๆ มีภาวะขาดความชื้นรุนแรง ทำให้เกิดไฟป่าได้ง่าย และไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วและรุนแรง นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า รัฐควีนส์แลนด์ที่อยู่ติดรัฐนิวเซาท์เวลส์ ก็กำลังเผชิญไฟป่าระลอกใหม่เช่นกัน โดยเกิดไฟป่าราว 45 จุด ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุ อุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส แต่ไม่มีรายงานความเสียหายรุนแรง
ทั้งนี้ ออสเตรเลีย เผชิญไฟป่าที่เรียกว่า “บุชไฟเออร์” (bushfire) ซึ่งเรียกตามลักษณะพื้นที่เขตป่าสุมทุมพุ่มไม้เตี้ยๆ บ่อยครั้งในช่วงฤดูร้อนแต่ละปี ซึ่งเริ่มในเดือน ธ.ค. แต่ไฟป่าปีนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าทุกปีมาก เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นบวกกับกระแสลมพัดแรงและอากาศที่แห้ง รวมทั้งเหตุลอบวางเพลิง โดยไฟป่าออสเตรเลียปีนี้ เกิดตั้งแต่เดือน ต.ค. โดยนอกจากรัฐนิวเซาท์เวลส์แล้ว พื้นที่เกิดไฟป่ายังมีที่รัฐควีนส์แลนด์ วิกตอเรีย เซาท์ออสเตรเลีย เวสเทิร์นออสเตรเลียและแทสมาเนีย มีผู้เสียชีวิตรวม 6 คน บ้านเรือนถูกพระเพลิงผลาญเสียหายกว่า 700 หลังคา นอกจากนี้ ไฟป่ายังส่งผลกระทบชีวิตสัตว์ป่าท้องถิ่นจำนวนมาก โดยเฉพาะโคอาลา สัตว์สัญลักษณ์ประจำถิ่นออสเตรเลีย ที่พบว่าตายไปแล้วหลายร้อยตัว