การประท้วงในฮ่องกงก้าวสู่เดือนที่ 6 แล้ว ยังไม่มีวี่แววจะยุติ นักลงทุนคาดกันว่า รัฐบาลปักกิ่ง คงจะปล่อยให้ผู้ประท้วงอ่อนแรงไปเอง เพราะ 5 เดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดเงินฮ่องกง ยังแข็งแกร่ง แม้จะถูก ฟิทช์ เรทติ้ง ลดเครดิตลงไปบ้าง แต่ก็ยังอยู่ที่ระดับ AA ธุรกิจที่ย่ำแย่ที่สุดคือ ท่องเที่ยวโรงแรม ค้าปลีก ทัวร์จีน หายไป 90% แม้จะลดราคาห้องพักลงถึง 70% ประเทศที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากวิกฤติฮ่องกงครั้งนี้ก็คือ สิงคโปร์ ประเทศคู่แข่งทางการเงิน และการค้าของฮ่องกงนั้นเอง

เศรษฐีฮ่องกง นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักบินข้ามไทยไปสิงคโปร์แทน

เว็บไซต์ “การเงินธนาคาร” รายงานโดยอ้าง สำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ติดตามสถานการณ์ในฮ่องกงมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนระบุว่า เศรษฐกิจฮ่องกงเริ่มส่อเค้าที่จะอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวและนักเดินทางต่างชาติ รวมถึงนักธุรกิจต่างประเทศที่เตรียมเดินทางมาฮ่องกง ได้ทยอยยกเลิกแผนการเดินทางมายังฮ่องกงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวในฮ่องกงลดลงกว่า 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์ กลับพบว่า อัตราการเข้าพักในโรงแรมสิงคโปร์เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี อันเป็นผลมาจาก นักท่องเที่ยว และ กลุ่มธุรกิจ ได้ย้ายเป้าหมายการพักผ่อนและการจัดประชุมสัมมนาต่างๆจาก ฮ่องกง ไปที่ สิงคโปร์ แทน

คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์เปิดเผยเมื่อต้นเดือนกันยายนว่า อัตราการเข้าพักในโรงแรมสิงคโปร์ประจำเดือนกรกฎาคมเฉลี่ยที่ 93.8% สูงสุดในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่ปี 2005 และมีแนวโน้มว่าอัตราการเข้าพักในเดือนถัดๆไปจนถึงสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตราบเท่าที่เหตุการณ์ในฮ่องกงยังไม่คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น

...

(อ่านข่าวก็ได้แต่อิจฉาสิงคโปร์ เมืองไทยรัฐบาลต้องแจกเงินคนละ 1,000 บาท ถึง 10 ล้านคนเป็นเงินถึง 10,000 ล้านบาท เพื่อให้คนไทยไปเที่ยวแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติ)

นอกจากนี้ รายได้ต่อหัวจากค่าห้องพักก็เพิ่มขึ้น ก็ทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 ปี รายได้ต่อห้องพักในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ 203.3 ดอลลาร์สิงคโปร์ ประมาณ 4,500 บาท สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2015

นักวิเคราะห์จาก ธนาคารดีบีเอส สิงคโปร์ ระบุว่า สิงคโปร์มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจใกล้เคียงกับฮ่องกง และมีฐานะเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น สถานการณ์ตึงเครียดในฮ่องกง จึงผลักดันให้นักเดินทางต่างชาติและกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ตัดสินใจมายังสิงคโปร์แทนอย่างง่ายดาย ที่สำคัญ ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ยังอยู่ในเกณฑ์อ่อนตัว เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ตัวอย่างเช่น กลุ่มธุรกิจ The Global Wellness Summit ที่เตรียมจัดงานสุขภาพและความงามประมาณ 600 คน ในเดือนตุลาคมนี้ ก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่จากฮ่องกงมายังสิงคโปร์แทน ทั้งนี้โรงแรมชั้นนำส่วนใหญ่ในสิงคโปร์มีความพร้อมในเรื่องการจัดการประชุมและสัมมนาระดับสากลอย่างมืออาชีพ จึงสามารถรองรับกิจกรรมที่ตัดสินใจกะทันหันย้ายมาที่สิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนามชางงีของสิงคโปร์ ที่ถือเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้เดินทางมายังสิงคโปร์

ความพร้อมทุกด้านของสิงคโปร์ทำให้นักธุรกิจตัดสินใจไม่ยาก แม้จะมีราคาแพง ผมก็หวังว่า การพัฒนาของประเทศสิงคโปร์ จะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับ รัฐบาลไทย นำมาพัฒนาประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินบินไปโรดโชว์แทบทุกสัปดาห์ แต่ไม่มีใครมา

สำหรับ อนาคตฮ่องกง จากนี้ไป ฟิทช์ เรทติ้ง ระบุว่า ช่วงครึ่งหลังปีนี้ เศรษฐกิจฮ่องกงจะก้าวไปสู่ภาวะถดถอย ทำให้ เศรษฐกิจฮ่องกงปี 2019 ตกอยู่ในภาวะชะงักงัน จีดีพีเติบโตที่ 0% และ ปี 2020 คาดว่าเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นมาที่ 1.2% แต่ภาพรวมยังน่าเชื่อถือ เครดิตระยะยาวอยู่ที่ AA+ ต้องนับว่าเศรษฐกิจฮ่องกงแข็งแกร่งจริงๆ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”