ไอร์แลนด์กำลังเป็นประเด็นกับไอร์แลนด์เหนือของอังกฤษ เรื่องที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลงเมื่อ 31 ตุลาคม 2562

ไอร์แลนด์กับอังกฤษเป็นเนื้อเดียวกันได้ยากเพราะศาสนาชาวไอริชมากกว่าร้อยละ 93 นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกและมีพวกโปรเตสแตนต์น้อยมาก

ไอร์แลนด์พยายามที่จะให้มีความสามัคคีกันระหว่างคนที่นับถือศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกายถึงขนาดทำธงชาติของตัวเองเป็น 3 สี สีเขียวแทนผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สีส้มแทนผู้นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ และสีขาวแทนความปรารถนาให้มีสันติภาพระหว่างคน 2 กลุ่ม แต่ก็ยังมีการทะเลาะกันระหว่างคนต่างศาสนาอยู่เนืองๆ

ไอร์แลนด์เป็นประเทศที่สตรีมีบทบาทในการเมืองสูง ผู้อ่านท่านคงจะเคยได้ยินชื่อแมรี รอบินสัน ท่านผู้นี้เป็นประธานาธิบดีของไอร์แลนด์ระหว่าง พ.ศ.2533-2540 แล้วก็ลาออกไปเป็นข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประธานาธิบดีท่านต่อมาก็เป็นสุภาพสตรีอีกคือ แมรี แมกอาลีส

ปัญหาไอร์แลนด์กับอังกฤษเริ่มมาจากในอดีต ที่รัฐสภาไอร์แลนด์ถวายตำแหน่งกษัตริย์แห่งไอร์แลนด์ให้พระเจ้าเฮนรีที่ 8 ของอังกฤษ พอถึงรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 มีการส่งชาวอังกฤษไปตั้งถิ่นฐานในไอร์แลนด์แทนผู้เช่าที่ดินชาวไอริช หลังจากนั้นก็มีนโยบาย Anglicization หรือนโยบายทำไอร์แลนด์ให้เป็นอังกฤษ เพื่อให้ชาวไอริชยอมรับกฎหมายอังกฤษ จงรักภักดีต่อประมุขอังกฤษ และทำตัวให้เป็นแบบอย่างเดียวกับประเพณีและศาสนาของชาวอังกฤษ เรื่องนี้ทำให้ชาวไอริชต่อต้านอังกฤษอย่างรุนแรงมาตลอด

ความระทมขมขื่นของชาวไอริช เราอ่านได้จากนิยายจำนวนไม่น้อย ที่พวกไอริชต้องหนีออกนอกแผ่นดินตัวเอง ความขมขื่นที่เกิดจากอังกฤษที่ส่งเสริมแต่โปรเตสแตนต์ และข่มเหงพวกคาทอลิก ห้ามคนคาทอลิกพกอาวุธ ห้ามคนคาทอลิกซื้อหรือรับมรดกที่ดิน ห้ามส่งบุตรหลานไปยังภาคพื้นทวีปเพื่อรับการศึกษาตามแบบคาทอลิก

...

คนไอริชจึงต่อต้านอังกฤษมาตลอด พอโดนต่อต้านมากขึ้น รัฐสภาอังกฤษก็ผ่าน Catholic Emancipation Act หรือ ร่าง พ.ร.บ.เลิกกีดกันคริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิก

ผู้อ่านท่านที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกาจะพบว่าคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยมีบรรพบุรุษมาจากไอร์แลนด์ เพราะตอนที่อังกฤษปกครองไอร์แลนด์ ชาวไอริชหิวโหยมาก ระหว่าง พ.ศ.2388-2391 คนไอริชตายเพราะความอดอยากและโรคระบาดมากถึง 7.5 แสนคน และหลังจากนั้นก็หนีความอดอยากไปอยู่สหรัฐฯมากกว่าล้านคน

คนไอริชดิ้นรนที่จะพ้นจากอำนาจปกครองของอังกฤษด้วยการตั้งองค์กรปฏิวัติต่างๆ เช่น ซินน์เฟน พรรคสาธารณรัฐสังคมนิยมไอร์แลนด์ กลุ่มภราดรภาพแห่งสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ภายหลังก็มีการตั้งกองกำลังที่เราคุ้นหูกันก็คือกองกำลังแห่งสาธารณรัฐไอริช หรือไออาร์เอ ที่สู้กับกองทัพและหน่วยแบล็กแอนด์แทนส์ของอังกฤษ แต่ไออาร์เอมีกำลังน้อยกว่าจึงต้องสู้แบบกองโจร

ต่อมาอังกฤษยอมลงนามสัญญาอังกฤษ-ไอร์แลนด์ โดยให้แบ่งเกาะไอร์แลนด์ออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเรียกว่า ‘เสรีรัฐไอร์แลนด์’ (มี 26 มณฑล) ส่วนที่สองเรียกว่า ‘ไอร์แลนด์เหนือ’ (มี 6 มณฑล) ตอนแรกที่ได้รับการแบ่งแยก เสรีรัฐไอร์แลนด์มีสถานะเป็น Dominion หมายถึงเป็นอาณาจักรในจักรวรรดิอังกฤษเช่นเดียวกับแคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่ยังต้องปฏิญาณต่อประมุขของอังกฤษ จากนั้นก็เกิดสงครามกลางเมือง และพวกไอริชตั้งสาธารณรัฐไอร์แลนด์เป็นประเทศเอกราชชาติใหม่ของตนได้อย่างแท้จริงเมื่อ 18 เมษายน 2492

ไอร์แลนด์เป็นสมาชิกประชาคมยุโรป (EC) เมื่อ พ.ศ.2516ร่วมระบบการเงินของยุโรปเมื่อ พ.ศ.2522 เป็นประเทศก่อตั้งสหภาพเศรษฐกิจและการเงินยุโรป (EMU) และร่วมในเขตเงินยูโร พ.ศ.2541 ไอร์แลนด์จึงเป็นประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อ พ.ศ.2545

ไอร์แลนด์ให้ความเห็นชอบสนธิสัญญามาสตริกต์ที่สถาปนาสหภาพยุโรปเมื่อ พ.ศ.2535 เพื่อการรวมตัวกันทางการเมืองโดยสมบูรณ์ของประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปในอนาคต

31 ตุลาคม 2562 อังกฤษจะพ้นสมาชิกสหภาพยุโรป ความเห็นของผม ในอนาคต อังกฤษอาจจะเป็นประเทศ ‘ด้อยกว่า’ สาธารณรัฐ ไอร์แลนด์

เราอาจได้เห็นนายเป็นลูกน้อง ลูกน้องเป็นนาย คนรวยจะกลายเป็นคนจน และคนจนจะกลายเป็นคนรวย ก็ได้ครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง