อังคารเมื่อวาน ผมรับใช้เหตุการณ์ในสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อ 1 ตุลาคม 2492 ที่คณะกรรมาธิการรัฐบาลกลางจัดประชุมสภาเต็มคณะสมัยแรก เป็นวันที่เหมา เจ๋อตง ประกาศเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศและเป็นประธานประกาศสถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งมีประชาชนมาร่วมมากถึง 3 แสนคน เป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแผ่นดินจีน

มีการเปลี่ยนธงชาติเป็นธงพื้นแดงและมีดาวสีเหลืองทอง 5 ดวง พื้นสีแดงหมายถึงการปฏิวัติ ดาว 5 ดวงหมายถึงสัญลักษณ์แห่งการสมัครสมานของกลุ่มวิชาชีพ กรรมกร เกษตรกร นายทุนย่อย และนายทุนเชื้อชาติต่างๆ ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ เพลงประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนก็เป็นเพลงที่แต่งโดยเถียนฮั่น ที่เรียกว่าเพลงอี้หย่งจวินจิ้นสิงฉี่ว์ ต่อมา พ.ศ.2525 ก็มีการกำหนดให้เพลงนี้เป็นเพลงชาติอย่างเป็นทางการ

เมื่อแรกสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน มีเพียงรัสเซีย อังกฤษ และยุโรปตะวันออกบางประเทศเท่านั้นที่ให้การรับรอง ส่วนสหรัฐฯตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างออกหน้าออกตา มีการส่งกองทัพเรือที่ 7 เข้ามาลาดตระเวนในช่องแคบไต้หวัน ความมุ่งหวังตั้งใจของสหรัฐฯไม่ต้องการให้ประเทศใหม่ที่ใหญ่โตมโหฬารแห่งนี้สงบ ต้องการให้ 2 ฝั่งช่องแคบที่ด้านหนึ่งเป็นจีนแผ่นดินใหญ่และอีกด้านหนึ่งเป็นไต้หวันประจันหน้ากัน และนโยบายนี้ของสหรัฐฯก็ดำรงคงมาจนถึงปัจจุบัน

จีนเริ่มได้รับการยอมรับจากประเทศต่างๆมากขึ้นเมื่อ พ.ศ.2498 ที่ประเทศในทวีปเอเชียและแอฟริกามากกว่า 50 แห่ง จัดประชุมที่สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ที่เรียกว่า “การประชุมบันดง” นายกรัฐมนตรีโจวเอินไหล ในฐานะผู้แทนจีนได้กล่าวสุนทรพจน์หลักการอยู่ร่วมกันโดยสันติ 5 ประการ พอพูดจบ สมาชิกหลายประเทศก็เลิกระแวงและยอมรับจีน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จีนก็ตั้งอยู่บนหลักการดังกล่าวมาโดยตลอด

...

สาระสำคัญของหลักการอยู่ร่วมกันโดยสันติ 5 ประการ คือให้ความเคารพต่ออธิปไตยเหนือประเทศคู่สัญญาอย่างสมบูรณ์ ไม่ก้าวก่ายกิจการภายในประเทศอื่น ไม่รุกรานซึ่งกันและกัน รักษาผลประโยชน์อย่างเสมอภาคของกันและกันและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

แม้เป็นคอมมิวนิสต์ด้วยกัน แต่ต่อมาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับโซเวียตก็เสื่อมลงอย่างรุนแรง ทำให้จีนมีเพื่อนทางยุโรปตะวันออกน้อยลง จึงต้องคิดหาเพื่อนตะวันตกที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยทุนนิยมมากขึ้น นโยบายที่จีนใช้ก็คือ “ปิงปองเชื่อมสัมพันธ์” พ.ศ.2514 รัฐบาลจีนเชิญคณะนักกีฬาปิงปองของสหรัฐฯไปเยือนจีน ทำให้มิตรภาพระหว่างจีน-สหรัฐฯ เป็นไปในทางที่ดี และเป็นตัวอย่างทำให้คณะปิงปองจากตะวันตกหลายประเทศกล้าเดินทางไปเยือนจีน

เมื่อเจียงไคเชคหนีไปอยู่ไต้หวัน ก็เอาไต้หวันเป็นที่ตั้งของสาธารณรัฐจีน ซึ่งมีที่นั่งในสหประชาชาติ ส่วนสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศขาลอยเพราะไม่ได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติเหมือนประเทศอื่น จีนจึงฟื้นฟูฐานะของตัวเองในสหประชาชาติและก็พบความสำเร็จได้ที่นั่งในสหประชาชาติใน พ.ศ.2514 ปีเดียวกับที่จีนเชิญคณะนักกีฬาปิงปองจากสหรัฐฯไปเยือน จากนั้นจีนก็เริ่มเปิดสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศต่างๆ ประเทศที่หันมามีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนก็ต้องตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน ทำให้สถานะของจีนแข็งแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนการขยายตัวของอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ไปได้ดีเพียงในช่วงแรกๆที่มีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะตอนนั้น จีนกับโซเวียตปรองดองกัน กระทั่ง พ.ศ.2502 ความสัมพันธ์ของสองประเทศเริ่มแย่ลง โซเวียตเลิกช่วยเหลือจีนและยกเลิกข้อตกลงทั้งหมดที่เคยทำร่วมกัน อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญที่โซเวียตส่งไปช่วยจีนก็ถูกเรียกตัวกลับประเทศ

โซเวียตส่งกองกำลังมาประชิดติดชายแดนจีนและปะทะกันหลายครั้ง แทนที่จะไปสู้กับฝ่ายทุนนิยม จีนกลับต้องมาสู้กับคอมมิวนิสต์ด้วยกันเอง ปัญหาเกิดจากกลางแม่น้ำอูซูหลี่ มีเกาะเล็กๆ ที่รัสเซียเรียกว่าดามัสกี จีนเรียกว่าเกาะเจินเป่า ในอำเภอหู่หลิน มณฑลเฮยหลงเจียง ฟากของจีนมีพื้นที่เพียง 0.7 ตารางกิโลเมตร รัสเซียเข้ามายึด จีนก็โต้ตอบ ทะเลาะกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนเวลาผ่านไปสิบกว่าปี จึงค่อยมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กันอีกครั้งหนึ่ง.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com 

อ่านข่าวเพิ่มเติม