สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 13 ส.ค. สหรัฐฯเลื่อนบังคับใช้การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.3 ล้านล้านบาท) เป็นบางรายการไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ ความปลอดภัย ความมั่นคงแห่งชาติ และปัจจัยอื่นๆ
สินค้าที่อยู่ในบัญชีเลื่อนการขึ้นภาษีบางรายการ ดังกล่าวรวมทั้งโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป แป้นควบคุมวิดีโอเกม ของเล่นเด็กบางรายการ จอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้า โดยจะมีแถลงรายละเอียดภายหลัง สินค้าจีนอื่นๆจากนี้จะถูกขึ้นภาษีนำเข้า 10% ใน 1 ก.ย.ตามที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศไว้
นายทรัมป์แถลงต่อผู้สื่อข่าวระบุว่า การเลื่อนบังคับใช้ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการครั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนจับจ่ายสินค้าช่วงเทศกาลคริสต์มาสและเป็นเฉพาะกรณีที่ส่งผลต่อประชาชน
ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ประกาศการตัดสินใจเลื่อนดังกล่าวออกมาไม่กี่นาที หลังกระทรวงพาณิชย์จีนเผยว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน หารือทางโทรศัพท์กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าเจรจาสหรัฐฯ และนายสตีเฟน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เพื่อให้มีการพูดคุยกันอีกครั้งผ่านทางโทรศัพท์ในอีก 2 สัปดาห์นี้ ขณะที่นายทรัมป์เผยด้วยว่า ทั้งสองฝ่ายจะพบหารือกันตามกำหนดช่วงต้นเดือน ก.ย.นี้
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นของศูนย์วิจัยพิว พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 60 ไม่ชื่นชอบมุมมองของจีน ถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์มากสุดในรอบ 14 ปีนับแต่เริ่มทำการวิจัย และเพิ่มจากปีก่อนหน้านี้ซึ่งพบร้อยละ 47
ข่าวการเลื่อนขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจีนบางรายการของยูเอสทีอาร์ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้นเด้งรับข่าวดี
...
นายทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% รวมมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ ดังกล่าว ตอบโต้จีนไม่ทำตามสัญญาเพื่อซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐฯตามที่เจรจากัน และยังวิจารณ์ประธา-นาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ไม่พยายามมากพอเพื่อควบคุมการขายยาระงับอาการปวดเฟนทานิลที่เป็นสารสกัดหรือสังเคราะห์จากฝิ่น (opioids) ท่ามกลางวิกฤติใช้โอปิออยด์สเกินขนาดในสหรัฐฯ.