คงไม่ได้มีแต่เพียงนักวิทยาศาสตร์หลายคนที่เชื่อว่าจะมีดาวเคราะห์ดวงอื่นที่เหมือนกับโลกของเรา อยู่ที่ไหนสักแห่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่ แต่คนทั่วๆไปหลายคนก็คงเชื่อเช่นนั้น ยิ่งการค้นพบระบบดาวเคราะห์แบบเดียวกับระบบสุริยะของเราหลายครั้ง หรือดาวเคราะห์คล้ายโลก ยิ่งก่อความหวังว่า อีกไม่นานเราอาจจะพบสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ที่เชื่อว่าเอื้อต่อการอาศัยอยู่ของสิ่งมีชีวิตก็เป็นได้
ส่วนพวกเขาจะมีหน้าตารูปร่างลักษณะอย่างไร จะเหมือนมนุษย์หรือไม่ก็คงสุดจะคาดเดา และก็คงได้แต่เฝ้ารอหากเรายังมีชีวิตทันได้เห็นวันนั้น!
นักวิทยาศาสตร์นักวิจัยจึงเร่งพัฒนาเทคโนโลยีให้ก้าวล้ำหน้า ซึ่งอาจเฉลยคำตอบให้ได้ในสักวันหนึ่ง

ความทะเยอทะยานอยากรู้ถึงสิ่งต่างๆนอกโลก จำเป็นต้องแลกมาด้วยราคาสูงลิบลิ่ว เพื่อสร้างเครื่องไม้ เครื่องมือหลายชนิดมาตอบโจทย์ ยิ่งส่องเข้าไปในอวกาศได้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งท้าทาย และนับจากอดีตล่วงมาถึงปัจจุบัน เราต่างได้รับข้อมูลมากมายจาก “จักรวาล” ที่เปรียบเสมือนห้องเรียนใหญ่ ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วโลกและดาวเคราะห์เพื่อนบ้านทั้งหลาย รวมถึงดวงอาทิตย์ที่เป็นดาวฤกษ์ของเรานั้น ไม่ได้อยู่กันเพียงลำพัง แต่ยังมีเพื่อนบ้านอีกมากมายอยู่ภายในอาณาจักรกาแล็กซีทาง ช้างเผือก หรือแม้กระทั่งกาแล็กซีเพื่อนบ้านอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน
...
หนึ่งในเครื่องมืออันทรงพลังที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้ง ก็คือบรรดากล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ ที่ติดตั้งบนภาคพื้นดินบ้าง หรือกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่ส่งออกไปยังระดับวงโคจรของโลกบ้าง เครื่องมือเหล่านี้มีหน้าที่สังเกตการณ์และเก็บข้อมูลภาพถ่ายดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกล หรือกาแล็กซี และวัตถุอวกาศอื่นๆ
กล้องโทรทรรศน์อวกาศที่มีอยู่และสร้างผลงานไว้มากมายก็มีกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่อยู่ใน “โครงการหอดูดาวเอก” ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกาหรือองค์การนาซา ประกอบด้วย กล้องสำคัญจำนวน 4 ชุด คือ กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลที่ยังทำงานอยู่ ส่วนกล้องรังสีแกมมาคอมพ์ตันได้ปลดระวางไปเมื่อ 4 มิ.ย.2543 กล้องรังสีเอกซ์จันทราถูกปล่อยขึ้นเมื่อปี 2542 ยังไม่หมดอายุใช้งานง่ายๆ ตัวสุดท้ายคือกล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ ก็มีแผนเกษียณในเดือน ม.ค.ปีหน้า

แต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ยังคง เดินหน้าสร้างเครื่องมือใหม่ๆ โดยเฉพาะหลังจากการประกาศจะปล่อย กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ (James Webb Space Telescope–JWST) ที่เป็นการลงแรงและร่วมทุนของ 3 องค์การอวกาศคือ องค์การนาซา องค์การอวกาศยุโรปหรืออีเอสเอ และองค์การอวกาศแคนาดาหรือซีเอสเอ ซึ่งอวดสรรพคุณว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ เป็นเครื่องมือสังเกตการณ์ทางแสงอินฟราเรดที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา และการค้นหาที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้านานนี้
เพียงแค่นี้ก็เรียกความตื่นเต้นในมวลหมู่คนที่ชมชอบเรื่องต่างดาว เพราะกล้องออกแบบมาอย่างเต็มศักยภาพด้านเทคโนโลยีทันสมัย ติดตั้งกระจกแบบพิเศษทำมาจากเบริลเลียมเคลือบทอง น้ำหนักเบา ทนทาน รวมๆแล้วกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ มีน้ำหนักถึง 6 เมตริกตัน โดยมีกำหนดปล่อยขึ้นสู่ห้วงอวกาศช่วง มี.ค.2564 และจะโคจรรอบโลกเป็นระยะทาง 1.5 ล้านกิโลเมตร
ตามข้อมูลขององค์การนาซาเผยว่า กล้อง โทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ได้เพิ่มพูนประสิทธิภาพมากกว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศรุ่นก่อนๆ เรียกว่าเก่งฉกาจกว่ากล้องฮับเบิลก็ว่าได้ สามารถมองเห็นอวกาศได้ไกลกว่า มีโอกาสค้นพบดาวเคราะห์ที่ห่างไกลในกาแล็กซีอันไกลโพ้น และมีเครื่องมือในการค้นหาสิ่งที่บ่งชี้เกี่ยวกับบรรยากาศที่สิ่งมีชีวิตจะดำรงชีวิตอยู่ได้

นักวิทยาศาสตร์มองว่ากล้องโทรทรรศน์ตัวใหม่นี้จะเป็นเสมือนเครื่องย้อนเวลาให้เรากลับไปหาวัตถุที่เก่าแก่ที่สุดในจักรวาลได้เป็นครั้งแรก รวมถึงจำแนกลักษณะของเหล่าดาวเคราะห์ที่กำลังโคจรรอบดาวฤกษ์อื่นๆ หรือวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีได้ด้วย ช่วยในการทำแผนที่จักรวาล เพราะแสงอินฟราเรดจะฝ่าทะลวงฝุ่นในอวกาศที่อาจทำให้พบดวงดาวที่ก่อตัวขึ้นใหม่ หรือพบดาวเคราะห์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังฝุ่น
...
ถึงแม้จะยังไม่มั่นใจว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ จะถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรโลกทันตามกำหนดหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เจอโรคเลื่อนเพราะความไม่พร้อมของอุปกรณ์บางชิ้น แต่ภารกิจที่รอคอยให้กล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวใหม่ได้แสดงพลังก็คือการส่องสำรวจดาวเสาร์และดวงจันทร์ไททัน บริวารที่ใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ เนื่องจากปรากฏการณ์ต่างๆ เช่น พายุ หรือแสงเหนือ-แสงใต้ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในชั้นบรรยากาศของดาวเสาร์ จึงน่าสนใจที่จะตรวจหาสัญญาณเคมีที่ผิดปกติเหล่านั้น

ส่วนดวงจันทร์ไททันก็จะถูกจับจ้องเป็นพิเศษ เพราะในชั้นบรรยากาศมีปฏิกิริยาทางเคมีที่ดูปั่นป่วนตลอดเวลาเปรียบเสมือนห้องทดลองเคมีขนาดใหญ่ ให้ศึกษาวัฏจักรภูมิอากาศตามฤดูกาลเพื่อเปรียบเทียบกับแบบจำลองของนักดาราศาสตร์ และไม่แน่ว่าอาจพบความลับหลายอย่างที่ซ่อนอยู่.
กันเกรา