โลกต้องจารึก “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐอเมริกา แหวกทุกกฎเกณฑ์ เดินข้ามเส้นแบ่งแดนสองเกาหลี มาพบกับ “คิม จอง อึน” ผู้นำเกาหลีเหนือ อย่างเป็นกันเอง พร้อมพากันก้าวข้ามมาร่วมประชุมในดินแดนเกาหลีใต้ร่วมชั่วโมง ก่อนเห็นพ้องควรตั้งทีมงานกลับมาเจรจาเรื่องข้อตกลงปลดนิวเคลียร์กันใหม่ หลังเจรจาล้มเหลวมาก่อนหน้านี้ แลกกับการเลิกคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ผู้นำสหรัฐฯแย้มยังมีเวลาและไม่รีบกลายเป็นเหตุการณ์ที่ต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองโลกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำสหรัฐฯคนแรกที่ข้ามเส้นแบ่งแดนแห่งประวัติศาสตร์ ที่แบ่งเขตแดนประเทศเกาหลีเป็นเหนือและใต้ บริเวณเส้นขนานที่ 38 เข้าไปในประเทศเกาหลีเหนือ ที่เขตปลอดทหารในหมู่บ้านปันมุนจอม
ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศพร้อมใจรายงานถึงเหตุการณ์เชิงสัญลักษณ์ครั้งนี้ว่า เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน ภายหลังนายทรัมป์เสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ชาติ หรือจี 20 ที่นครโอซากา ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28-29 มิ.ย. และมีกำหนดการเยือนประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 29-30 มิ.ย. หลังเดินทางถึงเกาหลีใต้ นายทรัมป์ได้เขียนทวิตเตอร์เชิญชวนนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ นัดพบปะเจรจา ก่อนที่นายทรัมป์แถลงต่อมาว่า จะข้ามเส้นแบ่งเขตแดนเกาหลีเหนือ-ใต้ ไปพบกับผู้นำเกาหลีเหนือ
จากนั้นในวันที่ 30 มิ.ย. กระบวนการเริ่มขึ้นในลักษณะเดียวกันกับการเจรจาสุดยอดระหว่างสองผู้นำเกาหลี นายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กับนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เมื่อเดือน เม.ย.2560 ครั้งนี้ทั้งนายทรัมป์และนายคิมต่างเดินเข้าหากันที่เส้นแบ่งเขตแดน และนายทรัมป์ได้ก้าวข้ามแนวคอนกรีตที่กั้นประเทศเกาหลีออกจากกัน เข้าไปในพรมแดนของเกาหลีเหนือ ก่อนเดินลึกเข้าไปในเขตเกาหลีเหนือมากกว่าคราวของผู้นำเกาหลีใต้ เข้าไปจับมือนายคิม จอง อึน สนทนากันเล็กน้อย ก่อนเดินเคียงคู่และข้ามเข้าพรมแดนเกาหลีใต้ นายทรัมป์เชิญชวนให้นายคิมก้าวเท้าก่อน ท่ามกลางการ จดจ้องของสื่อนานาชาติที่ติดตามทำข่าวนี้
...
หลังก้าวเข้าเขตพรมแดนเกาหลีใต้ นายคิม จอง อึน มีท่าทีผ่อนคลายและพูดคุยอย่างมีความสุขกับนายทรัมป์ ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า สิ่งนี้เป็นการแสดงถึงความตั้งใจของนายทรัมป์ที่จะมุ่งไปสู่อนาคตใหม่ และนายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯที่เข้ามาในเกาหลีเหนือ ส่วนนายทรัมป์กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ของโลก และรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาที่นี่
ต่อมาทั้งผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือเดินทางเข้าประชุมร่วมกันแบบปิด ที่เรือนเสรีภาพ ในฝั่งเกาหลีใต้ นานราว 50 นาที ต่างเห็นพ้องว่าควรจัดตั้งทีมงานเพื่อกลับมาเจรจาเรื่องข้อตกลงปลดนิวเคลียร์กันใหม่ในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 สหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ประเทศเวียดนาม จบลงด้วยความล้มเหลว เนื่องจากเงื่อนไขยกเลิกคว่ำบาตรเกาหลีเหนือหารือกันไม่ลงตัว และเหตุการณ์ครั้งนี้ยังถือเป็นการพบปะครั้งที่ 3 ของนายทรัมป์กับนายคิม ที่ต่อมามีรายงานว่า ทั้งสองผู้นำต่างเสนอไมตรี เชื้อเชิญอีกฝ่ายเดินทางเยือนสหรัฐฯ-เกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการด้วย
วันเดียวกัน มีรายงานว่า นายทรัมป์ได้หารือกับกลุ่มธุรกิจเกาหลีใต้ ทั้งบริษัทซัมซุง ฮุนได มอเตอร์ ล็อตเต เอสเค และปุงซัน กรุ๊ป โดยนายทรัมป์เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ถึงแม้ส่วนตัวจะมีความสัมพันธ์ที่ดี กับผู้นำเกาหลีเหนือ แต่ยังอีกไกลกว่าจะบรรลุข้อตกลง ยุติโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เพื่อแลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ อันจะนำไปสู่สันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี กระนั้นนายทรัมป์เชื่อว่ายังมีเวลาอีกมาก และไม่รีบที่จะบรรลุข้อตกลง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า นอกจากนายทรัมป์จะกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ข้ามเขตแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือแล้ว ยังถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐฯพบกับผู้นำเกาหลีเหนือที่พรมแดน นับตั้งแต่มีการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงสงครามเกาหลีเหนือ เมื่อ 66 ปีก่อนด้วย