สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเกาะติดสถานการณ์ตึงเครียดความสัมพันธ์ปากีสถาน-อินเดีย หลังวันที่ 27 ก.พ. เกิดเหตุเครื่องบินรบสองฝ่ายทำศึกกลาง เวหาเหนือน่านฟ้าพื้นที่พิพาทแคชเมียร์ โดยความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 มี.ค. เจ้าหน้าที่ความมั่นคงปากีสถานได้ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ 44 คน ในจำนวนนี้รวมถึงลูกและน้องชาย ของนายมาซูด อัซฮาร์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มจาอิช-อี-โมฮัมหมัด หรือเจอีเอ็ม

ทั้งนี้ กลุ่มเจอีเอ็มถูกรัฐบาลอินเดียตีตราว่าเป็นกลุ่มก่อการร้ายซึ่งมีฐานที่มั่นในปากีสถาน และพัวพันในเหตุโจมตีอินเดียหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงกรณีโจมตีขบวนทหารอินเดียในเมืองพัลวามา แคว้นแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย เสียชีวิต 40 นาย เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ชนวนที่นำไปสู่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างปากีสถาน-อินเดีย พร้อมกล่าวหามาโดยตลอด ว่ารัฐบาลปากีสถานให้การสนับสนุนกลุ่มเจอีเอ็มอยู่เบื้องหลัง เช่นเดียวกับสหประชาชาติ อังกฤษ และสหรัฐฯที่ตีตราเจอีเอ็มเป็นกลุ่มก่อการร้าย

ขณะที่นายอาซาม สุเลมาน ข่าน รมว.มหาดไทยปากีสถาน เปิดเผยว่า การจับกุมเป็นไปตามมาตรการป้องกันไว้ก่อน หากทางการพบหลักฐานต้องจัดการ แต่ไม่พบหลักฐานก็ต้องปล่อยตัว พร้อมยืนยันว่าการจับกุมไม่ได้มาจากแรงกดดันต่างชาติ อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบีบีซีอังกฤษรายงานว่า ที่ผ่านมามีสมาชิกกองกำลังติดอาวุธในปากีสถานบางส่วนถูกทางการปากีสถานดำเนินคดี ก่อนถูกปล่อยตัวในเวลาต่อมา

ก่อนหน้านี้ คืนวันที่ 5 มี.ค. โฆษกกองทัพเรือปากีสถานออกแถลงการณ์ว่า มีการตรวจพบเรือดำน้ำ ของกองทัพเรืออินเดียทำการรุกล้ำน่านน้ำของปากีสถาน ไม่ขอเปิดเผยสถานที่ แต่ต่อมาเรือรบของปากีสถานประสบความสำเร็จในการผลักดันเรือดำน้ำอินเดียออกไป ซึ่งโฆษกกองทัพเรือปากีสถานยืนยันด้วยว่า การผลักดันครั้งนี้ ไม่ได้มีการล็อกเป้าใส่เรือดำน้ำอินเดียแต่อย่างใด เป็นไปตามนโยบายรักษาสันติภาพ ของรัฐบาล

...

กรณีนี้นับเป็นเหตุปากีสถานขับไล่เรือดำน้ำอินเดียครั้งแรกในรอบ 3 ปี ขณะที่โฆษกกองทัพเรืออินเดียออกแถลงตอบโต้ต่อมาว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาอินเดียถูกโจมตีอย่างหนักจากโฆษณาชวนเชื่อผิดๆของปากีสถาน และจะเป็นไปได้อย่างไรที่ระหว่างปฏิบัติการในน่านน้ำปากีสถาน เรือดำน้ำจะเดินเรือในระดับความลึกต่ำและยกกล้องเพอริสโคปตรวจสอบผิวน้ำ พร้อมขอย้ำว่ากองทัพเรืออินเดียจะออกปฏิบัติการเท่าที่จำเป็น ส่วนที่อัฟกานิสถาน เกิดเหตุกองกำลังติดอาวุธบุกโจมตีบริษัทก่อสร้างในจังหวัดนันการฮาร์ ทางภาคตะวันออก มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 16 ศพ
และอาจเพิ่มขึ้น.