กรรมตามทัน-ตำรวจมาเลเซียขนสิ่งของมีค่าขึ้นรถ รวมทั้งเงินสด อัญมณี กระเป๋าแบรนด์เนมหรู และอื่นๆ ที่ยึดได้จากการบุกค้นบ้านอดีตนายกฯ นาจิบ ราซัค และนางรอสมาห์ มานซอร์ ภริยา (รูปเล็ก) เมื่อ 18 พ.ค. (เอพี/เอเอฟพี)
ความพ่ายแพ้ของพันธมิตรรัฐบาล “แนวร่วมแห่งชาติ” ของมาเลเซีย ซึ่งกุมอำนาจมา 61 ปี ในการเลือกตั้งเมื่อ 9 พ.ค. นอกจากทำให้อดีตนายกฯ นาจิบ ราซัค ผู้อื้อฉาว ต้องตกที่นั่งลำบาก ยังทำให้ ดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด ได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัย ในวัย 92 ปีเศษ กลายเป็นผู้นำที่มีอายุมากที่สุดในโลก
หลายคนสงสัยว่า มหาธีร์ “แก่” เกินไปหรือไม่...จะรับภาระหนักอึ้งไหวหรือ?
มหาธีร์เกิดเมื่อ 10 ก.ค. 2468 ในยุคที่ภาพยนตร์ยังเป็นสีขาวดำไร้เสียง และ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ผู้นำนาซีเยอรมนียังเป็นนักการเมืองต๊อกต๋อย การหวนกลับมาเป็นผู้นำรอบ 2 ของมหาธีร์มีขึ้นถึง 37 ปีนับตั้งแต่ได้เป็นนายกฯ ครั้งแรก และ 15 ปีหลังเขาวางมือจากอำนาจ
ข้อสงสัยเรื่องอายุของมหาธีร์ทำให้นึกย้อนไปถึงผู้นำโลกคนอื่นๆ ที่อายุมากๆ เช่นสมัยที่ โรนัลด์ เรแกน ลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2523 ก็มีข้อครหาเรื่องสุขภาพ แม้มีวัยแค่ 69 ปี เพราะเป็นคนขี้หลงขี้ลืม มักนั่งสัปหงก แม้ทีมงานจะช่วยสร้างภาพให้ดูหนุ่มขึ้น เช่นเผยแพร่ภาพเรแกนผ่าฟืนและขี่ม้า แต่หลังพ้นตำแหน่ง 5 ปี และแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรค “อัลไซเมอร์ส” ก็มีข้อสงสัยอีกว่าเขาป่วยตั้งแต่ยังเป็นผู้นำหรือไม่
โรเบิร์ต มูกาเบ ประธานาธิบดีจอมเผด็จการของซิมบับเว ผู้กุมอำนาจยาวนานและถูกก่นด่าว่าเป็น “ไดโนเสาร์” จอมละโมบ กว่าจะถูกขับไล่ตกบัลลังก์ก็มีอายุถึง 93 ปี ขณะที่คณะผู้นำสหภาพโซเวียตในยุคสงครามเย็น ส่วนใหญ่ก็มีอายุ 70-80 ปีเศษ แต่ด้านดีของผู้นำวัยชราของโซเวียตก็มีอยู่ เพราะมีประสบการณ์สูง สุขุมรอบคอบ ไม่กล้าเสี่ยงอันตราย เช่นไม่ตัดสินใจใช้ “อาวุธนิวเคลียร์” เมื่อเกิดข้อขัดแย้งรุนแรงกับสหรัฐอเมริกา
...
ส่วนมหาธีร์ แม้จะผ่านการผ่าตัดทำ “บายพาส” เส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงหัวใจถึง 2 ครั้ง แต่สุขภาพโดยรวมยังดี เส้นผมยังดกดำ หน้าตาดูหนุ่มกว่าอายุจริงนับ 20 ปี สติปัญญายังเฉียบคม ยังชอบถกเถียงเรื่องการเมือง พูดขำขัน การเป็นผู้นำอีก 2-3 ปี ก่อนส่งไม้ต่อให้อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหา มหาธีร์ยังตั้งคณะที่ปรึกษา “ขิงแก่” หลายคน อายุตั้งแต่ 65-94 ปี ให้มาช่วยกันทำงาน
สาเหตุที่มหาธีร์แข็งแรง นอกจาก “พระเจ้าให้มา” แล้ว ท่านยังเป็นคนมีวินัยสูง เพราะเคยเป็นแพทย์ก่อนลงเล่นการเมือง เหล้ายาไม่แตะเพราะเป็นมุสลิมที่เคร่งครัด มหาธีร์มักท่อง “กฎ 3 ข้อ” ที่ทำให้สุขภาพดีคือ 1.อย่ากินมากเกินไป 2.ออกกำลังกาย 3.อ่านหนังสือ
ชาวมาเลเซียไม่กังวลเรื่องสุขภาพและความสามารถของมหาธีร์ เห็นว่าได้เปรียบกว่าหนุ่มๆด้วยซ้ำ เพราะมีประสบการณ์โชกโชน มองโลกทะลุ รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมคนอื่น ใครก็กินท่านยาก ทั้งเคยสร้างเกียรติประวัติไว้มากมาย ขณะกุมอำนาจ 22 ปี ทำให้มาเลเซียทันสมัย มีเสถียรภาพ เศรษฐกิจรุ่งโรจน์ แม้ถูกโจมตีว่าเป็นเผด็จการ
ชาวมาเลเซียยังตั้งความหวังไว้สูงว่า เขาจะเข้ามาล้างบางคอร์รัปชันเน่าเฟะในสมัยนาจิบ ทำให้การผ่องถ่ายอำนาจราบรื่น และเป็นกาวใจแก้ปัญหาขัดแย้งด้านเชื้อชาติ หลังเหตุจลาจลเชื้อชาติหลังการเลือกตั้งปี 2512 ระหว่างชาวมาเลย์ชนส่วนใหญ่ของประเทศกับชาวจีนและอินเดียชนส่วนน้อย ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน
มหาธีร์เคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีว่า เวลาของท่านยังเหลือ แม้ค่อนข้างแก่แล้วแต่ยังไหว ในวิดีโอหาเสียงมหาธีร์พูดกับเด็กหญิงคนหนึ่งด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า “ผมแก่มากแล้ว เหลือเวลาไม่มากนัก ต้องทำงานบางอย่างเพื่อฟื้นฟูประเทศขึ้นมาใหม่ บางทีอาจเป็นเพราะความผิดพลาดที่ผมเองก่อขึ้นในอดีต” วิดีโอชิ้นนั้น “กระชากใจ” ประชาชนได้ชะงัด เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชนะเลือกตั้ง!
ส่วนนาจิบ วัย 64 ปี ผู้พ่ายแพ้อย่างอัปยศเพราะบริหารไม่เอาไหน และเจอพิษคดียักยอกฟอกเงินในกองทุนเพื่อการลงทุนแห่งชาติ “1 เอ็มดีบี” หลายพันล้านดอลลาร์ รวมทั้งข้อกล่าวหาเงินถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของเขานับ 700 ล้านดอลลาร์ กำลังจะถูก “กรรมตามสนอง”
แม้มหาธีร์บอกว่าไม่คิดแก้แค้น แต่เร่งสอบสวนคดี 1 เอ็มดีบี สุดเข้มข้น เพื่อเอาเงินของชาติที่ถูกปล้นไปกลับคืน และฟื้นฟูศรัทธาประชาชนกับนักลงทุน อนาคตของนาจิบและครอบครัว รวมทั้งนางรอสมาห์ มานซอร์ ภริยา ผู้ใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟ้อ สะสมเงินทองของมีค่าที่ได้มาโดยมิชอบมหาศาล จึงดูมืดมน อาจถึงขั้นติดคุกยาว
ถ้านาจิบและครอบครัวคิดหนีคงไม่ง่าย เพราะถูกสั่งห้ามออกนอกประเทศ และยากที่จะมีชาติใดรับไปลี้ภัยทางการเมือง เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องภายในของมาเลเซีย แม้แต่ประเทศในตะวันออกกลางที่เคยซี้กันสมัยยังมีอำนาจ เช่น ซาอุดีอาระเบีย ก็นิ่งเงียบ
...
สมัยก่อนมหาธีร์เป็นผู้นำที่โหดมากกับศัตรู นายอันวาร์ที่เคยถูกวางตัวเป็นทายาทอำนาจยังถูกเขาเล่นงานถึงขั้นติดคุกติดตะราง ส่วนนาจิบจะถูก “เชือด” หนักแค่ไหน ไม่นานก็รู้!
บวร โทศรีแก้ว