สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล จัด งาน “เทศกาลไทย 4.0” ที่โรงภาพยนตร์ซีนีม่าซิตี้ กรุงเทลอาวีฟ ภายใต้เแคมเปญ “Thailand Runland” เจาะกลุ่มนักวิ่งมาราธอนชาวอิสราเอล มาเที่ยวประเทศไทย.
อิสราเอลเป็นประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่โตนักหากเทียบกับประเทศไทย มีประชากรประมาณ 8 ล้านคนเท่านั้น ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย และอยู่ในภาวะสงครามแย่งชิงดินแดน
หนุ่มสาวชาวอิสราเอลทุกคนต้องผ่านการฝึกเพื่อเป็นทหาร และภายหลังปลดประจำการ เป้าหมายสำคัญคือออกไปหาประสบการณ์ชีวิตในต่างแดน
โดยเฉพาะ ประเทศไทย เป็นประเทศเป้าหมายในลำดับต้นๆที่หนุ่มสาวชาวอิสราเอลนิยมมาหาประสบการณ์ เนื่องจากค่าครองชีพถูก สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม และอาหารรสชาติถูกปาก

...

ในปีนี้ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ จึงได้จัดงาน “เทศกาลไทย” ขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 เมษายนที่ผ่านมา โดยเน้นกิจกรรมด้านการทูตวัฒนธรรม เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในระดับประชาชน ผ่านการแสดงทางวัฒนธรรมได้แก่ การแสดงดนตรี การเผยแพร่อาหารไทย ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ
ทั้งนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดความนิยมในประเทศไทย และการท่องเที่ยวในหมู่ชาวอิสราเอล สนอง นโยบาย “ไทยแลนด์4.0” ของรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังมีชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับ ประมาณ 1.8 ล้านคน หรือร้อยละ 21 ของประชากรทั้งหมด ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับอาหารไทยมากนักจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ อาหารฮาลาล ของไทยไปด้วยและนั่นเป็นเหตุผลที่ต้องจัด งาน “เทศกาลไทย” 3 ครั้ง 3 แห่งด้วยกัน

ครั้งที่ 1 กิจกรรม การแข่งขันประกอบอาหารไทย จัดร่วมกับสถาบันสอนทำอาหาร Bishulim ของอิสราเอล ประชาสัมพันธ์งานผ่านเว็บไซต์และเฟซบุ๊ก โดยให้ผู้สมัครเข้าแข่งขันส่งรูปพร้อมคำอธิบายอาหารไทยในฝันเข้าร่วมประกวดทางอีเมล แล้วคัดเลือกให้เหลือ 10 คน นำมาแข่งขันจนเหลือ 3 คน
เชฟทั้ง 3 คนนี้มาแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตไทย วันที่ 23 เมษายน และผลปรากฏว่า นายยูริ เอลเลนโบเกนชนะที่ 1 ในเมนูแกงเผ็ดเป็ดย่าง ได้รับตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-เทลอาวีฟ จากสายการบิน Arkia Israeli Airlines ภายในงานมีการแสดงดนตรีประยุกต์ของ วง “ราชาวดี” มาให้ความบันเทิง

...

ครั้งที่ 2 งาน “เทศกาลไทย 4.0” ที่ St.Joseph Auditorium เมืองนาซาเร็ธ เป็นชุมชนชาวอิสราเอลเชื้อสายอาหรับที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มไทย ร่วมกับการออกร้านอาหารไทย อาทิ ผัดไทย สะเต๊ะ เปาะเปี๊ยะทอด แกงเขียวหวาน โดยทาง บริษัท Via Nazareth ประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์แคมเปญ Via Thailand เพื่อคัดเลือกผู้ที่ตอบคำถามเกี่ยวกับประเทศไทย 750 คน เข้าร่วมงาน
ภาคบันเทิงมีการแสดงดนตรีไทยประยุกต์ ของ วง “ราชาวดี” การแสดงรำไทย และการแสดงรำมโนราห์ ที่สร้างความฮือฮาเรียกเสียงปรบมือเป็นอย่างมาก จากนั้นเป็นการจับรางวัลตั๋วเครื่องบิน ไปกลับกรุงเทพฯ-เทลอาวีฟ จำนวน 2 ใบของสายการบิน Turkish Airlines ตั๋วเครื่องบินในประเทศของสายการบิน Bangkok Airways กรุงเทพฯ-ตราด
...

ครั้งที่ 3 งาน “เทศกาลไทย 4.0” ที่โรงภาพยนตร์ Cinema City กรุงเทลอาวีฟในหัวข้อ “Fitness & Wellness” โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นนักวิ่งมาราธอนชาวอิสราเอล ภายใต้แคมเปญ “Thailand Runland” โดยมี นายอลอน มิเลอร์ ชาวอิสราเอลที่เชี่ยวชาญด้านอาหารไทยให้เกียรติเป็นพิธีกร
งานนี้เน้นสร้างความตระหนักรู้แหล่งท่องเที่ยวและอาหารสำหรับผู้รักกีฬาและสุขภาพ ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายซาจีฟ โคเฮน ศิลปินชาวอิสราเอล ที่แต่งเพลงเกาะพะงัน เป็นภาษาฮีบรู มาร้องเพลงโชว์ในงานด้วย
...
มีข้อสังเกตว่าการจัด งาน “เทศกาลไทย” ในประเทศอิสราเอล มีเงื่อนไขแตกต่างจากการจัดงานเทศกาลไทยในประเทศอื่นๆ เพราะไม่สามารถจัดขึ้นในพื้นที่สาธารณะเปิดโล่ง เนื่องจากข้อจำกัดด้านการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตรวจค้นอาวุธอย่างเคร่งครัด


ส่วนอาหารที่จัดเตรียมในงานต้องเป็น อาหารโคเชอร์ ตามคัมภีร์ทาง ศาสนายูดาย ที่กำหนดให้ชาวยิวสามารถรับประทานได้ ผลิตจากวัตถุดิบที่ถูกต้องตามหลักศาสนาคือ เนื้อจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เคี้ยวเอื้องหรือเท้ามีกีบ (ยกเว้นหมู) ปลาที่มีครีบและเกล็ด ผักและผลไม้ที่ปราศจากหนอนและแมลง
อีกทั้งมีข้อห้ามนำนมหรือเนยมาปรุงร่วมกับเนื้อสัตว์ และห้ามนำเครื่องครัวภาชนะและเครื่องจักรต่างๆที่ใช้ประกอบอาหารโคเชอร์ไปประกอบอาหารชนิดอื่นๆ
น.ส.เพ็ญประภา วงษ์โกวิท เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ กล่าวภายหลังจบ งาน “เทศกาลไทย 4.0” ว่า รู้สึกพอใจกว่าที่คาดคิดไว้มาก นับตั้งแต่คืนแรกที่จัดประกวดทำอาหารไทย โดยได้รับการสนับสนุนตั๋วเครื่องบินไป-กลับจากสายการบินของอิสราเอล และสนับสนุนหลักสูตรการเรียนประกอบอาหาร
อีกทั้งชาวอิสราเอลที่ทำเรื่องเกี่ยวกับเมืองไทยได้กลับไปเขียนบล็อกเกี่ยวกับประเทศไทยได้ดีมาก ส่วนการแสดงได้รับความสนใจเป็นอย่างดี ผู้ชมชอบมากแม้ว่าบางวันอากาศจะไม่เอื้ออำนวย ขณะที่นักแสดงทุกคนมีความสุขมากเช่นกัน
นอกจากนี้ น.ส.เพ็ญประภา ยังได้นำนักธุรกิจไทย ไปพบ กรรมการสภาหอการค้าเมืองไฮฟา เทลอาวีฟ และ นาซาเร็ธ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เพื่อดำเนินการต่อยอดสำหรับการพบปะกันในครั้งต่อไป

พร้อมกันนี้ทางสถาบันอาหารที่มาร่วมงานจะกลับไปทำเวิร์กช็อปเรื่องอาหารโคเชอร์ของชาวยิว เพื่อพัฒนารูปแบบอาหารไทยอีกทางหนึ่ง
ถือได้ว่างาน “เทศกาลไทย” ที่จัดขึ้นในครั้งนี้เป็นไปตาม “นโยบาย 4.0” ของรัฐบาลเต็มๆ และยังต่อยอดให้ชาวสราเอลมาท่องเที่ยวสัมผัสประเทศไทยในแง่มุมต่างๆมากขึ้น.



กานต์ เหมสมิติ รายงาน