รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ลงพื้นที่ตรวจคลินิกหรูใจกลางเมือง ถนนวิทยุ พัวพันหนุ่มรับจ้าง 5 พัน ขน “ถังอสุจิ” ข้ามแดน พบขออนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ด้าน คลินิกเอง แจ้งความ ยันไม่เกี่ยวข้อง ....
จากกรณีเจ้าหน้าที่ศุลกากร บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย ควบคุมตัว นายนิธินนทน์ ศรีธานิยานันท์ อายุ 25 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร พร้อมของกลางเป็น ถังไนโตรเจน 1 ถัง ภายในบรรจุหลอดใส่อสุจิ 6 หลอด อ้างว่าถูกว่าจ้างจาก นายยู ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ให้มารับถังไนโตรเจน ที่บรรจุอสุจิจากคลินิกเอกชนใน กทม. เพื่อนำข้ามแดนไปยังคลินิกเอกชน ในนครหลวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว โดยทำมาตั้งแต่ปี 2559 ได้ค่าจ้างครั้งละ 5,000 บาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่แอลธินี ทาวเวอร์ ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข นำทีมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานพยาบาลที่มีการลักลอบขายน้ำเชื้ออสุจิ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 คลินิกที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง โดยเป็นคลินิกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ภายในอาคารดังกล่าว โดยทางเจ้าของอาคารไม่ยินยอมให้ผู้สื่อข่าวขึ้นไปด้านบนด้วย
ภายหลังตรวจสอบคลินิกเสร็จสิ้น นายแพทย์ธงชัย กล่าวว่า เป็นการเข้าไปตรวจสอบมาตรฐานการเปิดคลินิกเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคลินิกดังกล่าว ตรงตามมาตรฐานที่กำหนดในพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิด โดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ซึ่งปัจจุบันมีคลินิกในลักษณะนี้ประมาณ 70 แห่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนกรณีการลักลอบซื้อขายอสุจิตามที่เป็นข่าว ทาง สบส. เองยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เนื่องจากหลักฐานยังไม่ชี้ชัดว่าคลินิกดังกล่าวผิดจริง ซึ่งทางคลินิกเองก็ได้มีการแจ้งความแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้องตามคำกล่าวอ้าง
...
นายแพทย์ธงชัย กล่าวต่อว่า สบส. ต้องรอถังไนโตรเจนดังกล่าวที่กำลังส่งมาให้ตรวจสอบว่า ภายในเป็นเชื้อใด จึงจะมีความชัดเจนมากขึ้น ถึงแม้จะมีกฎหมายออกมารองรับการเก็บอสุจิ ไข่ และตัวอ่อน แต่หากพบว่ามีการนำออกนอกประเทศ ก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ มองว่าด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ของประเทศไทยมีความก้าวหน้ามากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับประเทศเพื่อนบ้านยังไม่มีกฎหมายควบคุม จึงอาจเป็นช่องโหว่ที่ทำให้มีการลักลอบขนย้ายและซื้อขายอสุจิ ไข่ และตัวอ่อน
ส่วนที่แพทย์เจ้าของคลินิกมีคดีความในเรื่องคดีอุ้มบุญหลายปีก่อนนั้น รองอธิบดีระบุว่า ขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายเรื่องนี้ ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าการขนย้ายอสุจิครั้งนี้ ไม่น่าจะเชื่อมโยงกับคดีการอุ้มบุญดังกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง