ตำรวจล็อกเพิ่มอีก 1 คน ชี้เป้าให้แก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ในพื้นที่การท่าเรือ หลังถูกซัดทอด เบื้องต้นสารภาพเข้ามาแอบลักทรัพย์แล้วเจอกันพอดีในการปล้นครั้งแรก ส่วนการปล้นครั้งที่ 2 อ้างนอนหลับอยู่บ้าน โยน “ไอ้แบงก์” เป็นคนขายของกลางลอตแรกได้เงิน 3 แสนบาทแบ่งกัน ขณะที่ตำรวจท่าเรือคุม 5 ผู้ต้องหาฝากขังศาลผัดแรกยกเว้น “ไอ้แบงก์” หัวโจก ถูกคุมตัวเค้นต่อขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคนรับซื้อ

กรณีกลุ่มคนร้ายบุกเข้าโกดังเก็บของกลางของกรมศุลกากรในพื้นที่ท่าเรือคลองเตยขโมยบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนจะหลบหนีขับรถชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลร่วมกับกรมศุลกากรเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ และจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 6 ราย มีนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงก์ สุขบุญ อายุ 38 ปี เป็นหัวหน้าแก๊ง นำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้วเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปฏิเสธว่าไม่ได้ตั้งใจขับรถชน รปภ.จนเสียชีวิตแต่เป็นเพราะเข้าเกียร์ผิด ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. ที่ สน.ท่าเรือ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5 เดินทางมาสอบปากคำผู้ต้องหาปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางทั้ง 6 ราย คือนายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ สุขบุญ อายุ 38 ปี หัวหน้าแก๊ง นายภียกร หรือคิง ธิติปุญญวัชร์ อายุ 27 ปี นายเอกชัย หรือเอก สมใจ อายุ 42 ปี นายธนทร หรือจี ก้อนนาค อายุ 41 ปี นายนรินทร์ หรือเบิร์ด กาเผือก อายุ 46 ปี และนายสุวัฒน์ หรือเล็ก พ่วงยาม อายุ 42 ปี ทั้ง 6 คน ถูกดำเนินคดี 4 ข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน ทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ ร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงก์ และนายสุวัฒน์ หรือเล็ก ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ รวมเป็น 5 ข้อหา

...

พล.ต.ต.วิทวัฒน์เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นกับ “นายเล็ก” เพิ่มเนื่องจากอยู่บนรถขณะที่นายแบงก์ถอยหลังชนลุง รปภ.เสียชีวิต ถึงขณะนี้นายแบก์ยังอ้างว่าใส่เกียร์ผิดไปชน เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างไรก็ได้ แต่ค่อนข้างผิดวิสัยกับความเป็นจริง ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ต้องหาพาดพิงถึงชายชื่อ “สน” หรือนายกุศล เอียดอ้น อายุ 50 ปี เป็นคนชี้เป้าให้เข้าไปขโมยบุหรี่ไฟฟ้า ยืนยันว่ามีตัวตนอยู่จริงได้เรียกตัวซักถามแล้ว กำลังสอบปากคำอยู่ พร้อมจับกุมตามหมายจับในคดียาเสพติด 2 หมายท้องที่ สภ.ท่าแพ เมื่อปี 62 และ สน.ท่าเรือ ปี 65 วันนี้จะฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน ส่วนนายแบงก์ยังคุมตัวไว้สอบปากคำขยายผล ก่อนจะคุมตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาเคยขโมยของกลางในกรมศุลกากรที่ถูกจัดเก็บไว้ในพื้นที่การท่าเรือ คาดว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลของกลางอยู่ มีจำนวนมาก

ผบก.น.5 เผยต่อว่า การนำตัวนายสนมาสอบปากคำเพราะมีผู้ต้องหาซัดทอดเป็นคนชี้เป้าให้ปล้น นายสนเป็นช่างเป็นลูกจ้างชั่วคราวอยู่ในสนามฟุตซอลโกดังสเตเดียม ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร และการท่าเรือ นายสนรู้จักกลุ่มผู้ต้องหาบางส่วนและอ้างว่า ไม่รู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าถูกเก็บอยู่ในตู้ใด ส่วนการปล้นที่เกิดขึ้น นายสนอ้างว่านอนอยู่ที่บ้าน ส่วนการสอบปากคำนายแบงก์ อ้างถึงบุคคลอื่นอีก 1-2 คน เป็นเพื่อนของเพื่อนเคยทำงานเป็นอดีต รปภ.ของกรมศุลกากร แต่ออกมานานแล้ว จากคำให้การนายแบงค์อ้างว่า อดีต รปภ.คนนี้เป็นคนให้ข้อมูลเรื่องการจัดเก็บของกลาง ตำรวจต้องพิสูจน์ทราบและขยายผลต่อ ยืนยันว่าจากคำให้การไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง

พล.ต.ต.วิทวัฒน์เผยต่อว่า ส่วนการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ปล้นออกไปได้ลอตแรกได้นำไปขายต่อทันที เมื่อได้ของมาแล้วมาบอกต่อกลุ่มเพื่อนเพื่อช่วยหาคนรับซื้อโดยไม่มีออเดอร์มาก่อนล่วงหน้า อ้างว่าไม่ได้มีเจ้าประจำรับซื้อ ขณะนี้ความต้องการบุหรี่ไฟฟ้าในตลาดค่อนข้างสูงอยู่เพราะหาซื้อยาก ส่วนของขโมยลอตแรกได้ส่งขายให้กับเจ้าใหญ่รายเดียว ได้เงิน 300,000 บาท และแบ่งให้กับ 3 คน คือแบงก์ เอก และเล็ก เพราะร่วมก่อเหตุ หลังจากนั้นมาปล้นต่อทันทีวันที่ 1 มิ.ย.ต่อเนื่อง ในรอบหลัง มีผู้ก่อเหตุเพิ่มมาเป็นทั้งหมด รวม 6 คน ตำรวจต้องไปขยายผลเพิ่มเติมกับคนรับซื้อ เพื่อตรวจสอบว่ากระจายสินค้าไปที่ไหนบ้างและเพื่อพิจารณาว่าจะเชื่อมโยงกันอย่างไร ส่วนจะมีความผิดด้วยหรือไม่ รอความชัดเจนในการขยายผลก่อน

ต่อมาเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.ปณิธิ ชาอุ่น ผกก.สน.ท่าเรือ สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ นำผู้ต้องหา 5 ราย ส่งฝากขังผัดแรก ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ระหว่างคุมตัวขึ้นรถฝากขัง นายภียกร หรือคิง ธิติปุญญวัชร์ เผยว่า เพิ่งทำครั้งแรกไม่ขอพูดถึงเรื่องส่วนแบ่งเต็มใจไปทำเองไม่มีใครบังคับ ส่วนนายนรินทร์ หรือเบิร์ด กาเผือก ยืนยันว่า ทุกคนเข้าใจผิดกันตนไม่ได้เป็นลูกน้องตำรวจตามที่สื่อนำเสนอไป เพราะถ้าเป็นลูกน้องตำรวจจริงคงไม่ต้องมาติดคุกแบบนี้ เคยมีแค่มาทำความสะอาดและซื้อของให้เท่านั้น ไม่ได้ทำงานอะไรที่เกี่ยวกับการสืบสวน ตอนนี้รู้สึกเสียใจ และอยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต เช่นเดียวกับนายสุวัฒน์ หรือเล็ก พ่วงยาม ตะโกนออกมาว่า “ผมเสียใจครับ”

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่