สาวจีนมาเที่ยวพัทยากับน้องชาย ถูกไอ้หื่นลวงเป็นพลเมืองดีอาสาขี่รถ จยย.ไปส่ง แต่กลับลากเข้าป่าจับมัดมือพยายามข่มขืน แต่เหยื่อฮึดสู้จุดไฟล้อมหวังฆ่าปิดปากพร้อมชิงเงินไป 9 หมื่นบาท สาวจีนดิ้นรนหนีรอดมาได้ร้องขอความช่วยเหลือ ส่วน พฐ.ตรวจจุดเกิดเหตุเป็นป่ารกถูกไฟไหม้พบกางเกงขายาวและทรัพย์สินผู้เสียหาย ขณะที่ ผบช.ภ.2 สั่งกำชับชุดสืบสวนหาหลักฐานคลี่คลายคดี

เหตุสาวจีนถูกลวงไปข่มขืนรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 18 ก.พ. พ.ต.ท.จีรศักดิ์ แอบแฝง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รับแจ้งว่ามีหญิงสาวชาวจีนถูกล่อลวงเข้าไปข่มขืนภายในป่าด้านหลังสนามกอล์ฟสยามคันทรีคลับ ถนนสายโปโล-บ้านบึง หมู่ 9 ต.โป่ง ไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน และ พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สวญ.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 (ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา)

ที่เกิดเหตุเป็นป่าหญ้าติดกับไร่มันสำปะหลังห่างจากถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 2801 ประมาณ 400 เมตร โดยรอบไม่มีไฟส่องสว่าง บริเวณป่าหญ้ารอบๆด้านถูกไฟไหม้เป็นวงกว้างกว่า 70-80 เมตร ในเบื้องต้นพบหญิงชาวต่างชาติหน้าตาดีทราบชื่อ น.ส.หลิน (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาวจีน พร้อมกับนายเฉิน (นามสมมติ) อายุ 19 ปี น้องชายสัญชาติเดียวกัน ทั้งคู่ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หญิงชาวจีนอยู่ในอาการตกใจผมยุ่งเหยิง ข้อมือทั้งสองข้างมีรอยผื่นแดงจากการถูกมัดด้วยเชือก

ต่อมาตำรวจประสานล่ามชาวจีนเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ น.ส.หลินให้การว่า เมื่อช่วงเวลา 17.30 น. วันที่ 18 ก.พ. ตนและน้องชายยืนโบกรถที่บริเวณหน้าสวนไทย พัทยา ริมถนนสาย 331 (สัตหีบ-นครราชสีมา) ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กม. เพื่อจะให้ช่วยไปส่งที่ย่านพัทยาใต้ จากนั้นมีชายไทย 2 คน ขี่รถ จยย. 2 คันอาสาจะไปส่ง ตนและน้องชายนั่งซ้อนท้ายรถไปคนละคัน ระหว่างเดินทางเริ่มเห็นความผิดปกติ จู่ๆ ชายที่ขี่รถ จยย.มีน.ส.หลินนั่งซ้อนท้ายพาเลี้ยวเข้าป่า ส่วนรถของน้องชายเลี้ยวไปอีกคนละทาง

...

น.ส.หลินเปิดเผยอีกว่า เมื่อวิ่งมาถึงที่เปลี่ยวคนร้ายบังคับให้ น.ส.หลินลงจากรถพร้อมกับใช้เชือกมัดมือทั้ง 2 ข้าง จากนั้นเริ่มลวนลามก่อนจะจับตัวลงป่าข้างทางพยายามจะข่มขืนแต่ไม่สำเร็จความใคร่เพราะฮึดสู้จังหวะนั้นคนร้ายนำครีมโลชั่นมาทาตัว น.ส.หลิน ลักษณะพยายามทำลายหลักฐานรอยนิ้วมือ แล้วบังคับให้นั่งอยู่กับที่นำน้ำมันมาราดล้อมตัวก่อนจุดไฟเผาหวังฆ่าตนปิดปาก จากนั้นคนร้ายขี่รถหลบหนีไป ช่วงนั้นตนนั่งอยู่กลางกองไฟกลัวมากยื่นมือออกไปให้ไฟลนเผาเชือกที่มัดมือจนขาด ตัดสินใจรีบวิ่งฝ่ากองเพลิงโทรศัพท์ติดต่อน้องชายให้มาช่วยเหลือ

ขณะที่ พ.ต.ท.จีรศักดิ์ แอบแฝง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ และ พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ เอนสาร สวญ.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 (ตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยา) ร่วมกันสอบปากคำ น.ส.หลิน ยังมีอาการตกใจหวาดผวา และให้การวกวน ตรวจสอบร่างกายผู้เสียหายไม่พบเสื้อผ้ามีร่องรอยเปรอะเปื้อนหรือร่องรอยการต่อสู้ มีเพียงรอยเขียวช้ำบริเวณข้อมือทั้งสองข้าง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายจะต้องส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล รวมถึงการตรวจหาดีเอ็นเอของคนร้ายในร่างกายของผู้เสียหาย พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก และตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างต่อไป

ต่อมาเวลา 12.00 น. วันที่ 19 ก.พ. พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.2 สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 ลงมากำกับดูแลสืบสวนคลี่คลายคดีนักท่องเที่ยวชาวจีนถูกคนร้ายพยายามข่มขืน ต่อมาตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ภ.จ.ชลบุรี ลงพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ตำรวจพบกางเกงขายาวลายรูปโบสีขาวอยู่ในโพรงหญ้าห่างจากจุดที่เกิดไฟไหม้ป่ากระถินประมาณ 10 เมตร กางเกงที่พบยืนยันว่าเป็นของผู้เสียหายถูกถอดทิ้งไว้ หลังหนีตายจากกองไฟแล้วมานอนหมอบเพื่อรอการช่วยเหลือจากน้องชาย ขณะเดียวกันตำรวจเดินเรียงหน้ากระดานบริเวณจุดป่ากระถินที่เกิดไฟไหม้เพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม พบหนังสือเดินทางประเทศจีนของผู้เสียหาย กระเป๋าหนังสีดำมีเหรียญสกุลเงินหยวน 2 หยวน และคีย์การ์ดโรงแรมถูกไฟไหม้ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ขณะที่ตำรวจตรวจสอบประวัติ น.ส.หลินและน้องชายเพิ่งจะเดินทางเข้ามาเที่ยวเมืองพัทยาได้ไม่นาน พักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งตรงข้ามกับตลาดน้ำ 4 ภาค เมืองพัทยา ก่อนหน้านี้พ่อแม่ น.ส.หลินเพิ่งจะเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย แล้ว น.ส.หลินและน้องชายเดินทางตามมาภายหลัง ทั้งคู่ให้การว่าทะเลาะกับพ่อแม่จึงไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนพนักงานสอบสวนพาตัว น.ส.หลิน ผู้เสียหายชาวจีน ไปตรวจร่างกายที่ รพ.บางละมุง เจ้าตัวยังคงให้การยืนยันว่าถูกคนร้ายพยายามลวงมาข่มขืนและจุดไฟเผาป่าเพื่อจะฆ่าปิดปาก นอกจากนี้คนร้ายยังชิงเงินสดเป็นสกุลหยวนจำนวน 15,000 หยวน เงินไทย 10,000 บาท คิดรวมเป็นเงินไทย 90,000 บาท

นอกจากนี้ น.ส.หลิน ผู้เสียหาย มอบคลิปให้กับตำรวจ เป็นช่วงขณะนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.ของคนร้ายแต่งตัวสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบสีดำ สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีกรมท่า ใส่ถุงมือทั้งสองข้าง และสะพายกระเป๋าสีดำไว้บริเวณด้านหน้าลำตัว ขี่รถ จยย.ฮอนด้า เวฟ 125 สีดำ ไม่ทราบทะเบียน จากภาพพบว่า รถ จยย.คันดังกล่าววิ่งอยู่บนถนนสายห้วยใหญ่มุ่งหน้าไปทางถนนสุขุมวิท อีกทั้งผู้เสียหายพูดในระหว่างบันทึกคลิปเพื่อขอความช่วยเหลือและวิตกกังวลจะไปไม่ถึงจุดหมาย ถ่ายภาพรถ จยย.ที่น้องชายนั่งซ้อนท้ายวิ่งนำหน้า ก่อนจะมาคลาดกันเพราะคนร้ายเปลี่ยนเส้นทางพาไปก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ตำรวจอยู่ระหว่างการค้นหาวัตถุพยาน รวมถึงการตรวจสอบกล้องวงจรปิด จากจุดที่คนร้ายไปรับนักท่องเที่ยวชาวจีนก่อนจะพามายังจุดเกิดเหตุ

ต่อมาช่วงบ่าย วันเดียวกัน ตำรวจเรียกตัวนายใหม่ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี ขี่รถ จยย.รับจ้าง และเป็นผู้พาน้องชายของผู้เสียหายไปส่งที่พัทยาใต้มาสอบสวน พร้อมนำรถ จยย.ของนายใหม่มาตรวจสอบ นายใหม่ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ภายหลังสอบปากคำเสร็จตำรวจปล่อยตัวกลับไป

...

ต่อมาช่วงเย็น พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภาค 2 กล่าวว่า ตำรวจสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า เหตุดังกล่าวเป็นเหตุที่เกิดขึ้นจริง ผู้เสียหายให้การว่าจะไปที่วอล์คกิ้งสตรีทมาเจอวิน จยย.รับจ้างคุยราคาตกลงกัน ขณะที่คนร้ายขี่รถ จยย.อีกคันตามมาอาสาไปส่งน้องชายชาวจีนนั่งซ้อนท้ายวิน จยย. ส่วนผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายรถคนร้ายวิ่งตามหลังแล้วเลี้ยวไปจุดเกิดเหตุ คดีนี้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมเพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศไทย

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่