“บิ๊กโจ๊ก” คัมแบ็กกลับวงการสีกากี หลัง “บิ๊กตู่” เซ็นคำสั่งโอนย้ายกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “วิษณุ” รองนายกฯ แจงคำสั่งครั้งนี้ ต้องการให้พิจารณาผู้ที่ค้างอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อส่งกลับหน่วยเดิม เผยตำรวจน้อย-ใหญ่ ต่างจับตาการประชุม ก.ตร. วันศุกร์ที่ 12 มี.ค. ขอเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) เทียบเท่าตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. 1 เก้าอี้ จากเดิมที่ขอเปิดเพียงตำแหน่ง ผบช. และ ผบก. อย่างละ 4 ตำแหน่ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.50 น. วันที่9 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีลงนามในคำสั่งเพื่อโอนย้ายบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กลับเข้ารับราชการตามเดิมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่า เดิมการโอนย้าย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จาก ผบช.สตม.ไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นไปตามมาตรการแก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างถูกตรวจสอบ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วยังไม่ได้ข้อยุติก็ส่งกลับไปตรวจสอบต่อที่ ตร. ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกต พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เคยยืนฟ้องต่อศาลปกครองกลาง กรณีคำสั่งย้ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย สุดท้ายศาลปกครองไม่รับคำฟ้องนั้น ถือเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกัน ไม่มีปัญหาทั้งในส่วนของ ตร.

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า คำสั่งของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ คือให้พิจารณาทุกคนที่ค้างอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรีเวลานี้ ถ้าเคลียร์ได้ก็ให้พยายามเคลียร์ออกไป ขณะนี้ เหลืออยู่ประมาณ 60 คน ส่วนรายละเอียดอยู่ที่สำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณา มีใครบ้างที่ไม่มีคดี ถ้าใครยังมีเรื่องติดอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจจะเคลียร์ยาก ถ้าใครไม่มีเรื่องที่เกี่ยวกับ ป.ป.ช.สามารถส่งกลับหน่วยเดิมได้

...

“ส่วนกรณีของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์จะสามารถกลับเข้ามารับราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หรือไม่นั้น ผมตอบไม่ได้ จะได้หรือไม่ได้ผมไม่ทราบต้องถามนายกรัฐมนตรี ส่วนที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์เข้าพบผมเป็นระยะๆนั้น เขามาทุกสัปดาห์แต่ไม่ใช่มาด้วยปัญหาเรื่องนี้และไม่มีการคุยกันถึงเรื่องนี้เพราะไม่มีสิทธิ์พูด” นายวิษณุกล่าว

มีรายงานว่า ในวันศุกร์ที่ 12 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดประชุม ก.ตร. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. มีวาระพิเศษขออนุมัติ เปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) เทียบเท่าตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. 1 ตำแหน่ง ผบช. 4 ตำแหน่ง และ ผบก. 4 ตำแหน่ง รองรับการโยกย้ายนายตำรวจที่มีส่วนพัวพัน ปล่อยปละละเลย ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและ ผบ.ตร. เรื่องบ่อนการพนันและการขนต่างด้าวเถื่อนเข้าประเทศในช่วงวิกฤติโควิดรอบสอง หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 ก.พ. เคยเสนอเรื่องขออนุมัติเปิดตำแหน่งเพียงผบช. 4 ตำแหน่ง และ ผบก. 4 ตำแหน่ง แต่ที่ประชุม ก.ตร.มีมติให้นำเรื่องกลับมาศึกษารายละเอียดอีกครั้ง คาดการเสนอขอเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 9) เทียบเท่าตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. ผบช. และ ผบก.ครั้งนี้ จะมีการเสนอชื่อตัวบุคคลในบางตำแหน่งเพื่อรอแต่งตั้งในวาระแต่งตั้งข้าราชการตำรวจปลายเดือน เม.ย.

สำหรับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก นรต.47 เป็นชาว จ.สงขลา เริ่มรับราชการตั้งแต่ปี 37 ติดยศ พ.ต.อ.ครั้งแรกเป็น ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เติบโตเป็น พล.ต.ต.ขณะอายุไม่ถึง 45 ปีในตำแหน่ง ผบก. ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทำหน้าที่นายตำรวจประสานงานใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลรับผิดชอบ ตร. ดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายเป็น ผบช.สตม. กระทั่งเมื่อวันที่ 6 เม.ย.62 พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. (ขณะนั้น) มีคำสั่งให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ขาดจากตำแหน่งเดิม ต่อมาวันที่ 9 เม.ย.62 ครม.มีมติโอน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ไปเป็นข้าราชการพลเรือน สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และในวันเดียวกันนั้น ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 2/2562 ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ขาดจากตำแหน่งหน้าที่และอัตราเงินเดือนเดิมใน ตร. เพื่อโอนไปเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง ในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี