ขอส่งตัวแทนร่วมฟื้นฟู “บินไทย” สหภาพฯ ลั่นครั้งสุดท้ายอุดรูรั่วไม่ได้จมไปด้วยกัน

สหภาพการบินไทยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ส่งตัวแทนพนักงานเข้าไปร่วมดำเนินการแผนฟื้นฟู ชี้ในเมื่อนายกฯบอกว่าเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายก็ขอเข้าไปอุดรูรั่วด้วย หากเรือจมก็ตายไปพร้อมกัน ค้านการแยกหน่วยธุรกิจ ค้านการพ้นสภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากเป็นสายการบินแห่งชาติต้องเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น และขอให้คงสภาพการจ้างพนักงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (8 พ.ค.) สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อแสดงจุดยืนต่อกรณีแผนฟื้นฟูบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดยนายนเรศ ผึ้งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีส่งสัญญาณว่า แผนฟื้นฟูครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย สหภาพฯจึงต้องออกมาแสดงจุดยืน โดยเห็นด้วยกับแผนฟื้นฟู เพราะเป็นทางรอดทางเดียวของการบินไทย แต่ถ้าให้การฟื้นฟูครั้งนี้เกิดประสิทธิภาพจริง ขอให้สหภาพฯหรือพนักงานที่สหภาพฯ เห็นว่ามีความสามารถเป็นตัวแทนของพนักงานการบินไทย 20,000 คน เข้าไปมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทและพนักงานอย่างแท้จริง ยังจะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นว่าแผนครั้งนี้จะฟื้นฟูได้จริง เพราะแผนฟื้นฟูการบินไทยในปี 2558 เคยกู้เงินไปครั้งหนึ่งแล้วต้องกลับมากู้เงินใหม่อีก

“พนักงานในองค์กรทุกคนยินดีให้ความร่วมมือ ในอดีตมีการฟื้นฟู 3 ครั้งแต่พนักงานไม่เคยได้มีส่วนร่วมและไม่มีโอกาสได้รับรู้ ครั้งนี้ขอบคุณท่านนายกฯที่ให้โอกาสถามถึงพนักงานและสหภาพฯ หากท่านอนุมัติแผนฟื้นฟู สหภาพฯและพนักงานไม่ให้ความร่วมมือแล้วมันจะเกิดได้อย่างไร ก็เหมือนกับให้เงิน 50,000 ล้านบาทไปก็จบเหมือนเดิม จึงขอมีตัวแทนเข้าไปร่วมตรวจสอบการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟู ซึ่งท่านนายกฯ บอกเป็นครั้งสุดท้าย การต้องขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูองค์กร ถ้ามันจะจบ ขอให้เราร่วมจบไปกับบอร์ดและผู้บริหารในองค์กรด้วย อย่าไปจบเพราะคนอื่นมากำหนดให้เราจบ ครั้งนี้เราไม่ยอมจบง่ายๆ เราจะสู้ต่อ”

ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวต่อว่า แผนฟื้นฟูองค์กรก็ต้องเป็นไปตามที่การบินไทยทำเสนอกระทรวงคมนาคม เสนอผ่านไปยังคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เพียงแต่ความเชื่อมั่นในการทำให้แผนไปสู่ความสำเร็จจะต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมของพนักงาน เพราะแผนเป็นแค่แผนในกระดาษ แต่จะปฏิบัติตามจริงหรือไม่ ต้องมีพนักงานช่วยตรวจสอบ และที่ผ่านมาแผนฟื้นฟูการบินไทยมีการกู้เงินก็จริงแต่ไปทำอีกอย่าง

“ในครั้งนี้นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ก็ให้สหภาพฯได้เห็นแผนฟื้นฟูว่าจะลดพนักงาน และจำนวนเครื่องบิน ซึ่งถ้าหากพนักงานไม่ให้ความร่วมมือแผนเดินต่อไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าเกิดว่าเราได้ร่วมทำแผนกับบอร์ดและฝ่ายบริหารก็จะเป็นไปได้ ไม่จำเป็นต้องไปเริ่มต้นทำแผนใหม่ เพราะผ่าน คนร.มาแล้ว สหภาพฯก็เห็นแล้ว เพียงแต่ขอให้พนักงานจัดตัวแทนเข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิบัติ หลักๆง่ายๆเลยแผนฟื้นฟูการบินไทยทำมาหลายครั้ง แต่การปฏิบัติจริงไม่มีการตรวจสอบว่าเป็นไปตามแผนของกู้เงินหรือไม่ และคนที่จะตรวจสอบได้ดีที่สุดก็คนในบ้านว่าเงินที่กู้มาได้ใช้อย่างคุ้มค่าจริง ไม่ใช่ไปสร้างหนี้ใหม่ เมื่อเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วก็ขอเราเข้าไปช่วยด้วย”

ส่วนที่มีการวิจารณ์กันว่า รัฐบาลเข้าไปอุ้มการบินไทย ต้องเข้าใจว่าการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ การกู้เงินแต่ละครั้ง ระบบเดิมรัฐบาลเป็นคนกู้เงินให้เราแล้วรัฐบาลเป็นหนี้แทนเรา เป็นหนี้สินของประเทศ แต่ตั้งแต่ปี 2552 หนี้เป็นของตัวรัฐวิสาหกิจเอง ดังนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ เป็นเงินกู้แค่รัฐบาลค้ำประกันให้ พวกเราต้องเป็นคนหาจ่ายเอง หากแผนฟื้นฟูไม่สำเร็จ ถ้าเรามีส่วนร่วมลงเรือลำเดียวกันแล้ว เรือมันจะจมเราก็จะต้องยอมตายในเรือลำนั้น นายกฯบอกว่าโอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว เราจะขอร่วมขบวนการช่วยอุดเรือลำนี้ด้วย เราจะพยายามอุดให้อยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในหนังสือที่ยื่นถึงนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้มีการคุ้มครองสิทธิประโยชน์รวมถึงสวัสดิการของพนักงานทุกคนให้มีสภาพจ้างงานตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ และกฎหมายคุ้มครองแรงงาน โดยเห็นด้วยที่จะปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย กำจัดอิทธิพลทางการเมือง ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงการลดขนาดขององค์กร อย่างไรก็ตาม มีข้อความระบุว่า ในแผนฟื้นฟูที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต้องไม่กระทบกับสภาพการจ้างงานของพนักงาน และขอแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการแปรรูปบริษัทด้วยการแบ่งหน่วยธุรกิจของบริษัทออกจากกัน และการให้การบินไทยพ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากการบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติต้องเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น.