หนักใจสินเชื่อเอสเอ็มอีไม่ลื่น ยอมรับแนวโน้มด้อยคุณภาพสินเชื่อจะยังเพิ่มขึ้น

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ได้ประสานงานกับธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และผู้ประกอบการสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการปรับโครงสร้างหนี้ ทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และสินเชื่อรายย่อย เพื่อประคองให้ธุรกิจสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ไม่กระทบภาคแรงงานและป้องกันไม่ให้กลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) โดยเท่าที่หารือพบว่าแนวทางปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารพาณิชย์ได้ยืดการชำระหนี้ออกไปราว 13 เดือน

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าแนวโน้มของการด้อยคุณภาพของสินเชื่อจะยังคงเพิ่มขึ้น มีโอกาสที่จะเห็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ขยับขึ้น แต่จะเป็นการขยับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและอาจจะมีธุรกิจที่สายป่านสั้นประสบปัญหา เพราะวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ค่อนข้างยาว ซึ่งธนาคารพาณิชย์ก็ได้เตรียมรับมือในกรณีนี้ไว้แล้ว ด้วยการตั้งสำรองหนี้ไว้สูงกว่าเกณฑ์ของ ธปท.มาก และมีการเร่งปรับโครงสร้างหนี้ไปจำนวนหนึ่ง ซึ่ง ธปท.ได้ติดตามต่อเนื่อง และให้ธนาคารพาณิชย์รายงานตัวเลขการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งที่ดำเนินการแล้วและสำเร็จแล้วมาให้ ธปท.รับทราบ

“ยืนยันว่า แม้หนี้เอ็นพีแอลจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นบ้างในระยะต่อไป แต่จะไม่ปรับเพิ่มขึ้นสูงมาก ไม่เพิ่มแบบถล่มทลายหรือกระทบต่อสถาบันการเงินเหมือนในช่วงวิกฤติปี 2540 อย่างแน่นอน เพราะมีการเร่งรัดในการแก้ไขหนี้ต่อเนื่อง แต่ปัญหาที่เห็น อยู่ที่การกระจายสินเชื่อให้ตรงจุดกับคนที่ต้องการสินเชื่อที่ยังทำได้ไม่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มของเอสเอ็มอี ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่หนักใจ เพราะไม่ได้เกิดขึ้นจากธนาคารพาณิชย์ไม่มีสภาพคล่องที่ต้นทุนต่ำ แต่เป็นเพราะธนาคารพาณิชย์เห็นว่าลูกหนี้เอสเอ็มอีบางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงขึ้นในช่วงนี้ ทำให้อาจจะไม่อยากปล่อยสินเชื่อ”

“กลไกในการปล่อยสินเชื่อให้กับเอสเอ็มอี ในขณะนี้มี 3 ช่องทาง คือ ธนาคารพาณิชย์ นอนแบงก์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หากช่องทางไหนสามารถที่จะปล่อยให้ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยบางครั้งธนาคารพาณิชย์อาจไม่ต้องการปล่อยสินเชื่อผ่านโครงการซอฟท์โลนของ ธปท.เพราะต้องการดอกเบี้ยหรือเงื่อนไขที่แตกต่างไป แต่ถ้าลูกหนี้ได้รับสินเชื่อ ธปท.ก็รับได้เช่นกัน หรือจะใช้ช่องทางธนาคารรัฐก็ทำได้ โดย ธปท.มีหน้าที่จะสนับสนุนสภาพคล่อง และหากจำเป็นอยากจะขอให้ลดกฎเกณฑ์ของ ธปท.ในบางเรื่องที่เหมาะสม ก็สามารถที่จะทำได้”.