ครม.สั่งตั้งกองทุนอุ้มผู้ประกอบการ

นายอุตตม สาวนายก รมว.คลัง เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบมาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ระยะที่ 1 จำนวน 14 มาตรการ 3 ด้านทั้ง ด้านการเงิน ภาษี และมาตรการอื่นๆ เช่น จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมไว้ช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบตามความจำเป็น ช่วยเหลือประชา ชนที่ตกงาน นอกจากนี้ให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยธนาคารออมสินสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 150,000 ล้านบาท ให้แก่สถาบันการเงิน โดยธนาคารออมสินคิดดอกเบี้ยในอัตรา 0.01% ต่อปี และสถาบันการเงินให้สินเชื่อ 2% ต่อปีในเวลา 2 ปี วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 20 ล้านบาท

พร้อมพักต้นเงินลดดอกเบี้ย และขยายระยะเวลาชำระหนี้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกแนวทางในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในการจัดชั้นสินเชื่อปกติ เพิ่มความยืดหยุ่นในการอนุมัติเงินกู้ เพื่อให้ลูกหนี้มีสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจ และ 4.สำนักงานประกันสังคมจะร่วมกับสถาบันการเงินสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 30,000 ล้านบาทได้รับสินเชื่อเป็นระยะเวลา 3 ปี มาตรการภาษี ประกอบด้วย 4 มาตรการ ดังนี้

1.คืนสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศ โดยลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ ที จ่าย จากอัตรา 3% เหลืออัตรา 1.5% สําหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตั้งแต่วันที 1 เม.ย.- 30 ก.ย.63 และลดเหลือ 2% สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินตามข้อกำหนดตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.64 ที่จ่ายทางอิเล็กทรอนิกส์

2.ลดภาระดอกเบี้ยจ่ายแก่เอสเอ็มอีที่เข้าร่วมมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ได้จัดทำบัญชีเดียวหักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า สำหรับรายจ่ายดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 เม.ย.63 -31 ธ.ค.63,

3. ส่งเสริมเสถียรภาพจ้างงาน โดยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีหักรายจ่ายได้ 3 เท่าที่ได้จ่ายไปเป็นค่าจ้างของเดือน เม.ย.63-ก.ค.63 ให้แก่ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และได้รับค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาท/คน/เดือน โดยต้องคงการจ้างงานไว้ไม่น้อยกว่าจำนวนลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตน ณ วันสุดท้ายของเดือน ธ.ค.62,

4.เร่งคืนภาษีมูล ค่าเพิ่ม (แวต) ให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกที่ดี กรณียื่นแบบ ภ.พ.30 ทางอินเตอร์เน็ตจะได้รับคืนภายใน 15 วัน และกรณียื่นแบบ ภ.พ.30 ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาจะได้รับคืนภายใน 45 วัน.