
มหาเศรษฐีบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริการ่ำรวยขึ้นมหาศาล ท่ามกลางกระแสคลั่ง AI ที่ทุ่มเงินลงในผลิตภัณฑ์ AI ชิป สร้างโครงสร้างพื้นฐาน Data Center และอีกมากมาย การลงทุนเหล่านี้ช่วยหนุนให้มหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของโลกมีความมั่งคั่งทะยานรวมกว่า 550,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตามข้อมูลของ Bloomberg พบว่า มหาเศรษฐีเทค 10 อันดับแรก ถือครองความมั่งคั่งรวมกันกว่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในรูปแบบเงินสด หุ้น และการลงทุนอื่น ๆ เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากต้นปีที่ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสอดคล้องกับดัชนี S&P 500 ในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นมากกว่า 18% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ตลอดปี 2025 ที่ผ่านมา ผู้นำในบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนในด้าน AI ทั่วโลก ทั้งชิป AI ศูนย์ข้อมูล Data Center ตลอดจนผลิตภัณฑ์ AI อื่น ๆ ที่ทุ่มเงินลงไปต่อเนื่องจำนวนมหาศาล แม้ว่าตลาดจะเริ่มกังวลว่า กำลังจะเกิดฟองสบู่ AI
“ยังมีคำถามใหญ่ ๆ มากมายว่า สุดท้ายแล้วการลงทุนเหล่านี้จะให้ผลตอบแทนคุ้มค่าหรือไม่ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดตอนนี้คือ นักลงทุนกำลังเดิมพันว่ามันจะสำเร็จ” Jason Furman ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จาก Harvard University
ในบรรดาเศรษฐีทั้งหมด Elon Musk ยังคงครองอันดับที่ 1 ในลิสต์ ด้วยความมั่งคั่งล่าสุด ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2025 อยู่ที่ 744,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากต้นปีที่ความมั่งคั่งอยู่ที่ 342,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายงานของ Forbes ซึ่งเท่ากับว่าความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นมาเกือบ 50% ในปีนี้
ความรวยของ Elon Musk ที่เพิ่มขึ้นมีผลมาจาก ได้รับการอนุมัติแพ็กเกจค่าตอบแทนมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจากผู้ถือหุ้น Tesla และยังได้รับการประเมินมูลค่าของบริษัท SpaceX ที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อีกหนึ่งผู้ชนะจากกระแสคลั่งไคล้ AI นี้คือ Jensen Huang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Nvidia บริษัทที่ทะยานขึ้นเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันตามข้อมูลของ Forbes ซีอีโอ Jensen Huang เป็นมหาเศรษฐีสหรัฐฯ ติดอันดับที่ 8 ด้วยความมั่งคั่ง 165,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยที่ผ่านมา Jensen Huang เคยยื่นเอกสารต่อหน่วยงานกำกับดูแล ระบุว่า เขาได้ทำการขายหุ้น Nvidia ออกไปแล้วมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงที่ราคาหุ้นกำลังไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับเศรษฐีเทคเจ้าอื่น ๆ อย่าง Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ก็ขายหุ้นบริษัทออกไปมูลค่ารวมกว่า 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Michael Dell ผู้ก่อตั้ง Dell Technologies ได้ขายหุ้นในบริษัทของตัวเองออกไปมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ Mark Zuckerberg แห่ง Meta อันดับความมั่งคั่งร่วงลงมา หลังราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงหลังมานี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกังวลว่า บริษัทใช้เงินจำนวนมหาศาลในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI รวมถึงให้ค่าตอบแทนจำนวนมากกับนักวิจัย AI ชั้นนำ
ด้าน Larry Ellison ในปีที่ผ่านมา ความมั่งคั่งเคยพุ่งทะยานจนแซงหน้า Elon Musk ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก หลังจากที่ Oracle ได้ออกมาเปิดเผยดีลการสร้าง Data Center มูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ร่วมกับ OpenAI
แต่หลังจากนั้นไม่นานความมั่งคั่งของ Larry Ellison ก็ปรับตัวลงมา ตามความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับรูปแบบการระดมทุนและภาระทางการเงินที่ Oracle ใช้ในการขยายโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI จนกลายเป็นแรงกดดันสำคัญต่อราคาหุ้น ผลที่ตามมาคือ ราคาหุ้น Oracle ร่วงลงแล้วถึง 40% จากจุดสูงสุดในเดือนกันยายน สะท้อนความวิตกของตลาดว่า การเดิมพันครั้งใหญ่นี้อาจสร้างความเสี่ยงต่อฐานะการเงินของบริษัทในระยะยาว
และอีกสองคนที่น่าสนใจในปีนี้คือ Larry Page และ Sergey Brin สองผู้ก่อตั้ง Google (ที่ขึ้นแซงหน้าทั้ง Larry Ellison และ Mark Zuckerberg ได้สำเร็จ) โดยทั้งสองได้รับอานิสงส์จากความคืบหน้าของ Google ในการพัฒนา โมเดล AI และชิปประมวลผล AI ภายในองค์กร
ข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Larry Page เพิ่มขึ้นราว 270,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ Sergey Brin เพิ่มขึ้นประมาณ 255,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ว่า Google กำลังกลับมาเป็นผู้เล่นหลักในสนาม AI อย่างจริงจังอีกครั้ง
และในบรรดามหาเศรษฐีเทคโนโลยีทั้งหมด Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft เป็นเพียงรายเดียวที่ปิดท้ายปีด้วยความมั่งคั่งที่ลดลงเมื่อเทียบกับต้นปี เนื่องจากเขายังคงทยอยขายหุ้น Microsoft อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเงินไปสนับสนุนกิจกรรมด้านการกุศลและโครงการเพื่อสังคมผ่านมูลนิธิของตัวเอง
ที่มา: Financial Times
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney