
Megaspeed บริษัทที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ ผู้ให้บริการประเภท Neocloud ที่กำลังเป็นประเด็นถูกพูดถึงโดย Bloomberg หลังจากกลายเป็นผู้นำเข้า Nvidia รายใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในยุคที่อุตสาหกรรม AI กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยยักษ์ใหญ่ระดับโลก ธุรกิจมากมาย หากไม่อยากเป็นแบบเจ้าใหญ่อย่าง Nvidia ก็มักจะมีเหตุผลที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของ Nvidia แต่กว่า 3 ปีมาแล้วนับตั้งแต่สมัยที่โจ ไบเดนยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ข้อจำกัดในการส่งออกชิปออกไปประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกก็เข้มข้นมากขึ้น
และยิ่งเข้าสู่สมัยของโดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งที่สอง ข้อจำกัดการส่งออกชิปก็เจาะจงไปที่การกีดกันธุรกิจในจีนมากยิ่งขึ้น ล่าสุด สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า มีบริษัทหนึ่งจากสิงคโปร์กำลังถูกจับตามอง “Megaspeed International Pte.” เพราะเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมายังไม่ถึง 3 ปี แต่กลับมียอดสั่งซื้อชิปของ Nvidia มากที่สุดจนขึ้นแท่นเป็นรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การเติบโตที่รวดเร็วมากของ Megaspeed นี้ทำให้ถูกมองว่าอาจเป็นความหวังใหม่ของภูมิภาค ในการสร้างผู้เล่นระดับแชมเปียนด้าน AI Cloud Computing แต่อีกด้านของเหรียญ กลับทำให้บริษัทนี้ถูกเพ่งเล็งว่าอาจเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำชิปเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเข้าสู่จีน แม้ Nvidia จะยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่พบหลักฐานการเบี่ยงเบนหรือการลักลอบส่งชิปก็ตาม
Megaspeed เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ โดย Bloomberg รายงานว่า จัดเป็นบริษัทประเภทที่เรียกว่า Neocloud เชี่ยวชาญด้านการให้เช่าพลังประมวลผลประสิทธิภาพสูงสำหรับงาน AI มี Data Center หลายแห่งตั้งอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย
Megaspeed ยังมีบริการให้เช่าชิป Nvidia แก่ลูกค้ารายสำคัญด้วย โดยมีลูกค้าคนสำคัญอย่าง Alibaba Group ซึ่งถูกจับตามองจากสหรัฐฯ ในด้านความมั่นคงด้วยเช่นกัน
ตามกฎของสหรัฐฯ แล้ว การให้เช่าชิป AI แก่บริษัทจีนเพื่อใช้งานนอกประเทศจีนยังคงได้รับอนุญาตให้ดำเนินการได้ และ Nvidia เองก็มองว่ารูปแบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำด้าน AI ของสหรัฐฯ แต่ฝ่ายความมั่นคงและนักการเมืองบางส่วนกลับมองว่าเป็นช่องโหว่ที่ควรถูกปิด
นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2023 จนถึงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ Megaspeed นำเข้าชิปของ Nvidia มูลค่าอย่างน้อย 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นชิปอย่างน้อย 136,000 ตัว ตามข้อมูลของศุลกากรของมาเลเซียและอินโดนีเซีย โดยมากกว่าครึ่งเป็นชิปรุ่น Blackwell ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้ส่งออกไปจีน
Megaspeed เป็นบริษัทย่อยที่แยกตัวออกมาจาก “7Road Holdings Ltd.” บริษัทเกมรายใหญ่ของจีน เพียงห้าเดือนหลังจากสหรัฐออกมาตรการคุมชิป (สมัยโจ ไบเดน) โดยในช่วงแรก 7Road ได้ขายบริษัทย่อยในสิงคโปร์ให้กับนิติบุคคลในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินชื่อ “Huang Le Ltd.” ซึ่งควบคุมโดย Huang Le ผู้ก่อตั้ง Megaspeed
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน 2023 ทาง Huang Le Ltd. ก็ได้ขาย Megaspeed ให้กับบริษัทบังหน้า (Shell Company) ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นของ Tan Yong Pong ชาวสิงคโปร์ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Megaspeed และเพียงสี่วันหลังการเปลี่ยนมือ Megaspeed ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น Nvidia Cloud Partner อย่างเป็นทางการ
ในช่วงสิ้นปี 2023 บริษัทมีเงินสดในมือเพียง 5.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และถึงแม้ว่าจะมีเงินสดจำกัด แต่หลังจากนั้น Megaspeed กลับนำเข้าอุปกรณ์ Nvidia มูลค่ามากกว่าเงินสดในงบดุลถึงหลายพันเท่า โดยที่บริษัทไม่ได้ให้คำอธิบายถึงแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อชิปจำนวนมหาศาลดังกล่าวเลย
Bloomberg เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังสอบสวน Megaspeed ทั้งในประเด็นโครงสร้างความเป็นเจ้าของ และความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำชิป Nvidia เข้าไปยังจีน ซึ่งหากเป็นจริง จะถือเป็นการละเมิดมาตรการควบคุมการส่งออกที่สหรัฐฯ ใช้เพื่อจำกัดศักยภาพด้าน AI และการทหารของจีน
ขณะเดียวกัน ทางรัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้ออกมายืนยันแล้วด้วยว่า รัฐบาลกำลังตรวจสอบ Megaspeed ว่าฝ่าฝืนกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่ แม้จะไม่ระบุว่ากฎหมายใด ขณะที่มาเลเซีย ซึ่งเป็นฐานที่ตั้ง Data Center และมีการดำเนินงานหลักของบริษัท ระบุเพียงว่ามีการติดตามการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง โดยปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับขอบเขตของการสอบสวน
Megaspeed ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยยืนยันว่าดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมมีการรายงานออกมาว่า “Megaspeed เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ และปฏิบัติตามกฎหมายของทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎควบคุมการส่งออกของสหรัฐ” บริษัทระบุในแถลงการณ์ผ่านอีเมล พร้อมปฏิเสธให้ความเห็นเพิ่มเติม และแนะนำให้สอบถามไปยัง Nvidia
ด้าน Nvidia ระบุว่า การตรวจสอบภายในของบริษัทไม่พบหลักฐานการเบี่ยงเบนชิป และยืนยันว่า Megaspeed เป็นบริษัทที่เป็นเจ้าของและดำเนินงานอยู่นอกจีนโดยสมบูรณ์ ไม่มีผู้ถือหุ้นจากจีน พร้อมย้ำว่าบริการคลาวด์ของ Megaspeed เป็นบริการที่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎควบคุมการส่งออก
Nvidia ระบุว่าได้เข้าไปตรวจสอบ Data Center ของ Megaspeed หลายครั้ง และยืนยันว่าชิปทั้งหมดอยู่ในสถานที่ที่ควรจะเป็น ฝั่ง Bloomberg เองก็มีรายงานออกมาว่า ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่ามีการลักลอบชิปเข้าสู่จีน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเอกสารทางการค้า ข้อมูลบริษัท และการสัมภาษณ์แหล่งข่าวในหลายประเทศ กลับพบความไม่สอดคล้องกัน ระหว่างจำนวนชิปที่นำเข้า กับโครงสร้าง Data Center ที่มีอยู่จริง
ซึ่งหากพบว่าชิปของ Megaspeed ถูกนำเข้าสู่จีนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากสหรัฐ หรือหากพิสูจน์ได้ว่าบริษัทไม่ได้เป็นสิงคโปร์อย่างแท้จริง แต่มีรากฐานเป็นบริษัทจีน ก็อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางนโยบายควบคุมการส่งออกของสหรัฐในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงที่ประเด็นนี้เป็นหัวใจของการแข่งขันด้าน AI ระหว่างสองมหาอำนาจ
ล่าสุดหลัง Bloomberg ออกบทความแนวสืบสวนนี้ออกมาทาง Megaspeed ก็ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งมอบชิปอย่างผิดกฎหมาย และกล่าวว่า บทความของ Bloomberg อาจสร้างความเข้าใจผิดได้
ที่มา: Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney