หุ่นยนต์อเมริกันแพ้เกมโลก iRobot ขายกิจการให้ทุนจีน บทเรียนแบรนด์ไอคอน เงินสดแห้ง แข่งราคาไม่ไหว

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

หุ่นยนต์อเมริกันแพ้เกมโลก iRobot ขายกิจการให้ทุนจีน บทเรียนแบรนด์ไอคอน เงินสดแห้ง แข่งราคาไม่ไหว

Date Time: 17 ธ.ค. 2568 18:52 น.

Video

จาก "รวยเงิน จนเวลา" สู่เกษียณ 35! ของพอล ภัทรพล? l Money Secret EP.13

Summary

iRobot ยื่นขอล้มละลาย Chapter 11 และถูก Picea Robotics บริษัทจีนซื้อกิจการ

  • iRobot ก่อตั้งปี 1990 โดย MIT และเคยครองส่วนแบ่งตลาดสูง แต่ถูกคู่แข่งจีนแย่งส่วนแบ่ง
  • ดีลขายกิจการให้ Amazon มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ล่ม ทำให้ต้องปลดพนักงานและซีอีโอลาออก
  • บริษัทเผชิญยอดขายลดลง, เงินสดตึงตัว, และมาตรการภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ
  • Picea Robotics จะเข้าถือหุ้นทั้งหมด, ยกเลิกหนี้สิน, และ iRobot จะกลายเป็นบริษัทเอกชน

iRobot บริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสหรัฐฯ เจ้าของแบรนด์หุ่นยนต์ดูดฝุ่นระดับไอคอนอย่าง Roomba ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายตามกฎหมาย Chapter 11 หลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องยืดเยื้อหลายปี ก่อนปิดฉากการเป็นบริษัทอเมริกัน ด้วยการขายกิจการทั้งหมดให้กับ Picea Robotics ผู้ผลิตและเจ้าหนี้รายใหญ่จากจีน

การยื่นล้มละลายในศาลรัฐเดลาแวร์ครั้งนี้ไม่ได้หมายถึงการปิดกิจการ แต่คือการเปลี่ยนเจ้าของ โดย iRobot จะกลายเป็นบริษัทเอกชนภายใต้การถือหุ้น 100% ของ Picea Robotics ซึ่งมีฐานการผลิตและศูนย์วิจัยในจีนและเวียดนาม ขณะที่หุ้น iRobot จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ อย่างถาวร

iRobot ก่อตั้งในปี 1990 โดยนักวิจัยจาก MIT และสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ในปี 2002 ด้วยการเปิดตัว “Roomba” หุ่นยนต์ดูดฝุ่นทรงกลมที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะจากสหรัฐฯ บริษัทเคยครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 42% ในสหรัฐฯ และ 65% ในญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามความได้เปรียบดังกล่าวค่อยๆ ถูกกัดกร่อนจากการแข่งขันด้านราคาของแบรนด์จีนที่พัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและตั้งราคาถูกกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ iRobot ต้องลดราคา ลงทุนเพิ่ม และแบกรับต้นทุนสูงต่อเนื่อง
โดยเอกสารจากศาลระบุว่า iRobot ถูกบีบจากการแข่งขันรุนแรงของคู่แข่งจากจีนอย่าง Ecovacs Robotics แม้บริษัทยังครองส่วนแบ่งตลาดสำคัญในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น แต่ต้องลดราคาและลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างหนัก

ทั้งนี้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงหลังดีลขายกิจการให้ Amazon มูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2022 ต้องล่มในต้นปี 2024 จากแรงต้านด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ และยุโรป ดีลดังกล่าวถูกมองว่าเป็นทางรอดสุดท้ายของ iRobot และเมื่อดีลพังบริษัทต้องปลดพนักงานกว่า 30% และทำให้ซีอีโอยื่นลาออกทันที

ในเชิงการเงิน iRobot เผชิญยอดขายที่อ่อนแอและภาวะเงินสดตึงตัว โดยปลายไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทเหลือเงินสดไม่ถึง 25 ล้านดอลลาร์ และไม่มีแหล่งเงินทุนใหม่ให้เข้าถึงได้ ขณะที่รายได้ลดลงกว่า 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดขายในตลาดสหรัฐฯ ทรุดตัวกว่า 30%

นอกจากการแข่งขันแล้ว มาตรการภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ ยังซ้ำเติมบริษัทอย่างหนัก โดยเฉพาะภาษี 46% สำหรับสินค้าที่ผลิตในเวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับตลาดอเมริกา ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นกว่า 23 ล้านดอลลาร์ในปีเดียว ขณะที่ราคาหุ้น iRobot ร่วงลงมากกว่า 50% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาและลดลงกว่า 90% เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน

ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการ Picea Robotics จะเข้าถือหุ้นทั้งหมดของ iRobot พร้อมยกเลิกหนี้กว่า 190 ล้านดอลลาร์ และหนี้เพิ่มเติมจากสัญญาการผลิตอีก 74 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เจ้าหนี้และซัพพลายเออร์รายอื่นจะได้รับชำระครบถ้วน

iRobot ผู้นำตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่มีมูลค่าสูงถึง 3.56 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 จากอานิสงส์ความต้องการช่วงโควิด แต่ปัจจุบันเหลือราว 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  กรณีของ iRobot สะท้อนภาพใหญ่ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโลกอย่างชัดเจน เมื่อแบรนด์ไอคอนจากสหรัฐฯ ที่เคยเป็นผู้กำหนดเกมนวัตกรรมต้องยอมถอยและส่งต่อกิจการให้ผู้ผลิตจากจีน ท่ามกลางการแข่งขันด้านต้นทุน เทคโนโลยี และภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนสมดุลอำนาจในตลาดโลกอย่างรวดเร็ว



ที่มาข้อมูล Reuters , Business Insider

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ