
Google ลงทุน 36,000 ล้านบาท ขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในไทย รวมถึงศูนย์ข้อมูลและเคเบิลใต้น้ำ TalayLink
Google เดินหน้าผลักดันประเทศไทยสู่ยุค AI Economy หลังประกาศลงทุนระดับโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่การสร้างศูนย์ข้อมูล สายเคเบิลใต้น้ำเชื่อมต่อที่เชื่อมระหว่างประเทศออสเตรเลียและไทย “TalayLink” ยกระดับระบบความปลอดภัยข้อมูล ไปจนถึงโครงการพัฒนาทักษะบุคลากรไทยกว่า 3,000 คลาสเรียนฟรี โดยทั้งหมดถูกวางเป็นพื้นฐานให้ไทยพร้อมรับเศรษฐกิจใหม่ที่ AI จะสร้างมูลค่าไม่ต่ำกว่า 730,000 ล้านบาท ภายในปี 2030 จากการประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจของ Public First
อรรณพ ศิริติกุล กรรมการผู้จัดการ Google Cloud ประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ Google ต้องการเป็นตัวเร่งให้ไทยคว้าโอกาสครั้งนี้ให้ได้จริง โดยที่ผ่านมา Google วางยุทธศาสตร์ไทยไว้ 3 ชั้นใหญ่ ประกอบด้วย
1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีการประกาศลงทุนมูลค่า 36,000 ล้านบาทเพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในประเทศไทย โดยมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์และศูนย์ข้อมูลในกรุงเทพฯ และชลบุรีเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้งานระบบคลาวด์ที่เพิ่มขึ้น
Data Center ในไทยทำให้คนไทยเข้าถึง AI ได้เร็วขึ้น ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลกช่วยรองรับข้อมูลสำคัญของภาครัฐ-เอกชน นอกจากนี้เคเบิลใต้น้ำอย่างโครงการ “TalayLink” จะช่วยยกระดับการเข้าถึง ความเสถียร และความยืดหยุ่นของการเชื่อมต่อดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายทำให้ไทยเป็น “ฮับดิจิทัล” ในภูมิภาค
2) ส่งเสริมคนไทยให้ใช้ AI เป็น ไม่ใช่แค่ใช้เป็นครั้งคราว ผ่าน 3 โปรแกรม ได้แก่ ChaiyoGCP โปรแกรมเรียนรู้ Google Cloud แบบออนไลน์ด้วยตนเองสำหรับนักพัฒนา การมอบ AI Certification Program หลังการอบรมและสอบ ตลอดจน Google Skills แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์กว่า 3,000 คลาสฟรี
3) สร้างโครงการนำร่องเพื่อพิสูจน์ผลจริงในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่การเปิดตัวโครงการ “PanyaThAI” (ปัญญาไท) โครงการนำร่องความร่วมมือกับ15 องค์กรแรกในไทยเพื่อสร้างเคส AI ใช้งานจริงในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ธนาคาร ประกัน ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ สาธารณสุข และ การศึกษาเพื่อให้ไทยมีโมเดลที่พิสูจน์ได้ว่า AI สร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจได้จริง
อ่านเพิ่มเติม
เป้าหมายของ “PanyaThAI” คือ การนำเสนอแนวทางการทรานส์ฟอร์มองค์กรที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจาก Google ครอบคลุมบริการแบบครบวงจร การอบรมฟรี และความเชี่ยวชาญจากระบบนิเวศพันธมิตร เพื่อช่วยองค์กรปลดล็อก ROI อย่างมีนัยสำคัญ
“องค์กรชั้นนำทั่วโลกทุ่มงบ AI อย่างน้อยครึ่งหนึ่งไปที่แพลตฟอร์ม Agentic แบบครบวงจร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบกระบวนการใหม่ และสร้างความสามารถในการแข่งขันเชิงตลาดที่ยั่งยืน อย่างไรก็ตามอุปสรรคหลักที่จำกัดองค์กรหลายแห่งจากการใช้ประโยชน์จาก AI อย่างเต็มประสิทธิภาพยังเป็นเรื่องของการทำให้โซลูชัน AI สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องและน่าเชื่อถืออย่างต่อเนื่อง การขาดแหล่งข้อมูลที่พร้อมสำหรับการใช้งาน AI และการขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านการจัดการข้อมูลและ AI อย่างเหมาะสม”
ปัจจุบันคนไทยใช้ AI สำหรับ Consumer ทุกวันอยู่แล้ว แต่ความท้าทายใหญ่ในการใช้ AI สำหรับ Enterprise ขององค์กรคือ ต้องมี กฎเกณฑ์ ความปลอดภัย และระบบกำกับดูแล (Governance) การนำ AI มาใช้ในองค์กรจึงซับซ้อนกว่าการใช้ทั่วไปหลายเท่า องค์กรไทยจำนวนมาก “เชื่อใน AI” แต่ติดปัญหาเรื่อง Change management ความกังวลของผู้บริหาร ข้อจำกัดด้านข้อมูล และการปรับให้เข้ากับกฎภายในองค์กร นี่ทำให้การเริ่มต้นขององค์กรไทยยังไม่เร็วเท่าที่ควร แม้ทุกคนจะเห็นประโยชน์จาก AI กันหมดแล้ว
หนึ่งในตัวเลขที่ Google ใช้อย่างมั่นใจคือ ROI เพิ่มเฉลี่ย 727% ในเวลาไม่เกิน 18 เดือน ซึ่งวัดจากลูกค้าที่ Google ช่วยทั่วโลก ตัวเลขนี้สะท้อนจากประสิทธิผลที่เพิ่มขึ้นโดยรวม (Productivity gains) โดยเฉพาะในเรื่องการออกแบบระบบบนโครงสร้างการทำงานแบบดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูลหลายระบบที่ AI ทำได้แบบเรียลไทม์ ลดต้นทุนโครงสร้างองค์กร ลดเวลาทำงานซ้ำซ้อน และเพิ่มคุณภาพการตัดสินใจ “ประโยชน์ของ AI จึงไม่ได้จำกัดแค่รายได้เพิ่มแต่รวมถึง ประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้นทุนลดลง คุณภาพงานดีขึ้น” อรรณพ กล่าว
องค์กรไทยจะได้รับประโยชน์จากโครงการ PanyaThAI ผ่านการขับเคลื่อนครบวงจรของ Full-Stack AI ครบชุดของ Google ได้แก่
นอกจากนี้ภายใต้โครงการนี้ยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและ AI ของ Google Cloud พร้อมด้วยพันธมิตรในระบบนิเวศที่จะร่วมกันสนับสนุนให้องค์กรต่าง ๆ สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างเต็มศักยภาพเพื่อพัฒนาและปรับใช้โซลูชัน Agentic AI ที่ตอบโจทย์และครอบคลุมการใช้งานหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็น Accenture, Deloitte, Digithun Worldwide, HoriXonT8, MFEC, NTT DATA, Skooldio และ Tridorian
โครงการ PanyaThAI จะสนับสนุนให้องค์กรสมาชิกนำแนวทางการทรานส์ฟอร์มที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ Google Cloud ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่าง
โดยปัจจุบันมีองค์กรชั้นนำกว่า 15 แห่ง จากหลากหลายอุตสาหกรรมเข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย บิทาซซ่า (Bitazza), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University), ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Dhipaya Group Holdings), ฟินโนมีนา (Finnomena), ไทยสมุทรประกันชีวิต (Ocean Life Insurance), ซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED), บริษัท ช้อป โกลบอล อี-คอมเมิร์ซ จำกัด (Shop Global E-Commerce Company Limited), สยามพิวรรธน์ (Siam Piwat), แสนสิริ (Sansiri), สคูลดิโอ (Skooldio), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), ไทยวาโก้ (Thai Wacoal), ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO Financial Group), ท็อปส์ (TOPS) และ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป (True Digital Group)
การเปิดตัว PanyaThAI ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของตลาด AI ไทย เพราะเป็นครั้งแรกที่มีโครงการระดับประเทศที่ผสานโมเดล AI ชั้นนำ ความเชี่ยวชาญระดับโลก ระบบนิเวศพันธมิตร โดยเฉพาะกลยุทธ์ ROI ที่พิสูจน์แล้วเพื่อนำพาองค์กรไทยเข้าสู่ยุค Agentic AI อย่างเป็นระบบและยั่งยืน
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -