
Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia กล่าวว่าจีนกำลังจะชนะสงคราม AI และสหรัฐฯ ต้องเร่งเครื่องเพื่อดึงดูดนักพัฒนา
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Jensen Huang ซีอีโอของ Nvidia ออกมาแสดงความเห็นว่า “จีนกำลังจะชนะในสงคราม AI” พร้อมกับเน้นย้ำว่า “สหรัฐอเมริกา จะต้องเร่งสปีด เพื่อให้ชนะใจนักพัฒนาทั่วโลกให้ได้ก่อน” เพราะที่ผ่านมา “สงครามแย่งชิงนักพัฒนาอาจเริ่มหลุดมืออเมริกาไปแล้วจริง ๆ”
คำพูดนี้ยิ่งเป็นการสะท้อนภาพในตลาดตอนนี้ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ ภาพรวมในตลาด AI ของสหรัฐฯ เริ่มเบนเข็มมาให้ความสนใจใช้งานโมเดล Open-Source ของจีนมากขึ้น เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ซึ่งแม้กระทั่งในซิลิคอนวัลเลย์เอง ก็มีหลายบริษัทเทคโนโลยีเล็กใหญ่ใช้งานอยู่
สำหรับ Open-Source หรือโมเดลแบบเปิด คือ ซอฟต์แวร์ โปรแกรมหรือโค้ดที่เปิดให้ใครก็ได้สามารถเข้าถึง เข้าไปศึกษา แก้ไข แจกจ่ายต่อ หรือนำมาใช้งานตามที่ต้องการได้แบบฟรี ๆ
ก่อนหน้านี้ Brian Chesky ซีอีโอของ Airbnb ออกมายอมรับว่า Airbnb ไม่ได้เชื่อมระบบแอปฯ ท่องเที่ยวของตัวเองกับ ChatGPT ของ OpenAI แล้ว เพราะเครื่องมือเชื่อมต่อ (API) ยังไม่พร้อมดีพอ พร้อมกับเผยว่า AI Agent ของ Airbnb ใช้โมเดล AI อยู่หลายสิบตัว และพึ่งพาโมเดล Qwen ของ Alibaba อยู่เยอะมาก โดย Brian Chesky กล่าวชมว่า “ดีมาก เร็ว และราคาถูก”
รายชื่อบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ในซิลิคอนวัลเลย์ออกมายอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าง Thinking Machines Lab สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดย Mira Murati อดีต Chief Technology Officer ของ OpenAI เขียนในบล็อกของบริษัทว่า งานวิจัยล่าสุดได้รับแรงบันดาลใจจากทีมงานของ Qwen และสร้างผลิตภัณฑ์อยู่บน Qwen3 ของ Alibaba
Chamath Palihapitiya นักลงทุนชื่อดังเปิดเผยในพอดแคสต์ All-In ของ David Sacks ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาด้าน AI และคริปโตฯ ของทำเนียบขาว กล่าวว่า บริษัทหนึ่งที่เขาร่วมงานด้วยได้ย้าย Workload หลักไปใช้โมเดล Kimi K2 จากบริษัท Moonshot AI ของจีน พร้อมกับยืนยันว่าโมเดลนี้ “ราคาถูกกว่า OpenAI และ Anthropic มาก”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณแฝงอื่น ๆ ที่เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามรายงานของ Bloomberg ยังมีบางคนที่สังเกตว่าสตาร์ทอัพบางราย อย่างเช่น Cursor บริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI Coding ที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ปล่อย AI เวอร์ชันใหม่ออกมา จากนั้นมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสังเกตว่า ตัวระบบเหมือนจะใช้โมเดล DeepSeek ของจีน เนื่องจากโมเดลเผลอเปลี่ยนภาษาขณะคิดในระบบเป็นภาษาจีนกลาง
หรือจะเป็นฝั่ง Cognition AI Inc. สตาร์ทอัพมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่หลายคนคาดว่ากำลังใช้งาน Zhipu AI หรือที่รู้จักกันในชื่อ Z.ai ของจีน เนื่องจากฝั่ง Z.ai ได้ออกมาทวิตข้อความว่า “การเปิดโมเดล Open-Source จะส่งผลดีต่อระบบนิเวศของ AI ทั่วโลก”
จากข้อมูลของ Hugging Face แพลตฟอร์มโมเดล AI ที่นักพัฒนาใช้กันทั่วโลก ได้ออกมายืนยันแนวโน้มนี้ว่า จีนได้แซงหน้าสหรัฐฯ ไปแล้วในด้านจำนวนการดาวน์โหลดโมเดล Open-Source โดยในช่วงต้นปี 2024 มีนักพัฒนาดาวน์โหลดโมเดล Llama ของ Meta ไปที่ราว 10.6 ล้านครั้ง ขณะที่ Qwen ของ Alibaba มีเพียง 500,000 ครั้ง
แต่ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี ตัวเลขกลับตาลปัตร โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมา ตัวเลขยอดดาวน์โหลดสะสมของ Qwen อยู่ที่กว่า 385.3 ล้านครั้ง แซงหน้า Llama ที่ 346.2 ล้านครั้งไปแล้ว และโมเดลใหม่ ๆ ที่พัฒนาต่อยอดจาก Qwen คิดเป็นกว่า 40% ของโมเดลทั้งหมดบน Hugging Face ในขณะที่สัดส่วนของ Meta เหลือเพียง 15% เท่านั้น
แม้ว่าจะยังมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสองประเทศยักษ์ใหญ่ อย่างสหรัฐฯ และจีน จนเกิดข้อกังขาว่าผู้ใช้ต่างชาติอาจถูก “ปลูกฝังแนวคิดจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน” ผ่านโมเดล AI เหล่านี้
แต่สำหรับนักพัฒนาที่ต้องแข่งกับเวลาเพื่อปล่อยผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในสายงานเขียนโค้ดและพัฒนาโปรแกรม สิ่งเหล่านี้ดูไม่สำคัญเท่ากับราคาและประสิทธิภาพของโมเดล อีกทั้งโมเดลแบบเปิดยังสามารถดาวน์โหลดมาปรับแต่งและรันภายในเครื่องได้เอง ทำให้ลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย
ที่มา: Bloomberg
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney