
ตลอดปี 2025 ที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก ไม่ใช่แค่รายใหญ่ ได้ปลดพนักงานออกจากตำแหน่งไปมหาศาล จากตัวเลขของ Layoff.fyi ระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนตุลาคมปีนี้ บริษัทเทคฯ จำนวน 218 แห่ง ปลดคนไปแล้วรวม 112,732 คน (เทียบกับปี 2024 ทั้งปีที่มีการปลดคนไปแล้ว 152,922 คน)
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ หลายบริษัทต้องปรับตัวตามเทรนด์ AI ที่เข้ามาแทนงานเดิม และภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้าลง ซึ่งบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Amazon, Intel และ Microsoft ในปีนี้ต่างลดจำนวนพนักงานไปแล้วหลายพันถึงหลายหมื่นตำแหน่ง ครอบคลุมตั้งแต่งานบริการ IT ที่ปรึกษาธุรกิจ ไปจนถึงสายการผลิต หรือแม้แต่ Meta ที่ปรับลดคนในฝั่ง Superintelligence ที่มุ่งเน้นด้าน AI ด้วย
Amazon อยู่ระหว่างการปลดพนักงานสูงสุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์บริษัท รวมมากถึง 30,000 ตำแหน่ง โดยรอบแรกได้ปลดไปแล้ว 14,000 คน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4% ของพนักงานองค์กรทั้งหมด
ฝ่ายงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ได้แก่ Corporate (งานบริหารองค์กร), HR (ทรัพยากรบุคคล), Operations (ปฏิบัติการ), Devices (อุปกรณ์และฮาร์ดแวร์) และ AWS (บริการคลาวด์)
เนื่องจาก Amazon ต้องเร่งรับพนักงานจำนวนมากช่วงโควิด แต่ตอนนี้บริษัทต้องกลับมาคุมค่าใช้จ่ายและต้องการจะรันบริษัทเหมือนสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามคำกล่าวของ Beth Galetti ผู้บริหารฝ่าย People Experience & Technology
โดยสาเหตุหลักของการปลดคนครั้งนี้ คือ การลงทุนใหญ่ด้าน AI ต้องการลดจำนวนชั้นบริหาร และเพื่อแก้ปัญหาขยายตัวเกินไปในอดีต อย่างไรก็ตาม พนักงานส่วนใหญ่จะมีโอกาสได้รับเวลา 90 วัน เพื่อหาตำแหน่งใหม่ภายในบริษัทก่อนออกจากงาน
อย่างที่ทราบกันดีว่า ที่ผ่านมา Intel อยู่ในช่วงยากลำบาก และหลังจากมีการปรับเปลี่ยนซีอีโอคนใหม่ แผนของ Intel ก็รวมไปถึงการปลดคนลงด้วยเช่นกัน โดยในปีนี้ Intel ประกาศลดพนักงานถึง 24,000 คนทั่วโลก หรือ 22% ของพนักงานทั้งหมด เหลือราว 75,000 คน ภายในสิ้นปี 2025
ประเทศที่ได้รับผลกระทบมากสุด คือ สหรัฐฯ โดยเฉพาะในแคลิฟอร์เนียและโอเรกอน ซึ่งเฉพาะในรัฐโอเรกอนมีแผนปลดกว่า 2,400 ตำแหน่ง มากกว่าตัวเลขที่เคยแจ้งไว้ถึง 5 เท่า นอกจากนี้ยังมีการปลดในประเทศอื่น ๆ อย่าง เยอรมนี โปแลนด์ และคอสตาริกา
เหตุผลสำคัญของการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เนื่องจากความต้องการ PC ทั่วโลกลดลง อีกทั้งยังแข่งขันสู้ Nvidia และ AMD ไม่ได้ในตลาดชิป AI โดยเป้าหมายหลักของ Intel คือปรับโครงสร้างเพื่อฟื้นความสามารถในการแข่งขันในยุค AI และชิปประมวลผลขั้นสูง
Microsoft ปลดพนักงานทั้งหมดเกือบ 9,000 คนในปี 2025 หรือราวเกือบ 4% ของบุคลากรทั่วโลก (ที่ราวกว่า 220,000 คน) โดยพนักงานกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ วิศวกรซอฟต์แวร์ Program Manager ฝ่ายการตลาด ตลอดจนฝ่ายกฎหมาย
โดยบริษัทอ้างว่าจำเป็นต้องลดต้นทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนใน AI และคลาวด์ (Cloud) ที่สำคัญ ในช่วงปลดพนักงานรอบต้นปีมีพนักงานบางส่วนถูกเลิกจ้างจากผลประเมินผลงาน ไม่ได้รับค่าชดเชยใด ๆ และสวัสดิการสิ้นสุดทันที
การปลดครั้งนี้ ถือเป็นอีกครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัทนับจากที่เคยปลดไปราว 10,000 ตำแหน่งเมื่อปี 2023
Accenture บริษัทที่ปรึกษาและบริการ IT รายใหญ่ของโลก ประกาศลดพนักงานกว่า 12,000 ตำแหน่ง จาก 791,000 คน เหลือ 779,000 คน และเตรียมลดอีกในระยะต่อไป
โดยสาเหตุหลักมาจากลูกค้าต้องการบริการ AI มากขึ้น อีกทั้งยังมีหลายตำแหน่งที่ปรับเปลี่ยนทักษะไม่ได้ตามยุค AI ด้าน Julie Sweet ซีอีโอของบริษัท กล่าวว่า “หลายงานไม่สามารถ Reskill ให้เข้ากับความต้องการใหม่ด้าน AI ได้” จึงจำเป็นต้องปรับลด
Tata Consultancy Services (TCS) ผู้ให้บริการ IT รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย ประกาศปลดพนักงานรวม 19,755 คน ในไตรมาสล่าสุดที่สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน ปี 2025
โดยตำแหน่งที่ได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มระดับกลาง (mid-level) และระดับอาวุโส (senior-level) เหตุผลหลักนั้นทางบริษัทต้องการจะปรับทีมงานให้รองรับยุค Automation และ AI มากขึ้น ซึ่งทางบริษัทได้ระบุว่า พนักงานหลายคนมี “ทักษะไม่ตรงความต้องการใหม่ของบริษัท”
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและสหรัฐฯ ที่กำลังตึงตัวนั้น ทำให้ดีมานด์ลด โดย TCS ระบุว่านี่คือการปรับลดแรงงานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์บริษัท
Cisco ประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ลดพนักงานประมาณ 4,250 คน หรือราว 5% ของกำลังคนทั้งหมด โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบ คือ พนักงานในสำนักงานแคลิฟอร์เนีย และทั้งหมดมีผลในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
เหตุผลหลักคือ บริษัทต้องการจะปรับทิศทางจากธุรกิจฮาร์ดแวร์ ไปสู่โมเดลซอฟต์แวร์ และระบบสมาชิก (Subscription) พร้อมกับโฟกัสในธุรกิจใหม่ที่เติบโต เช่น AI, Cybersecurity และ Cloud ซึ่งทาง Cisco มองว่าอุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนจากระบบฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง ไปสู่ระบบ Cloud และซอฟต์แวร์เป็นศูนย์กลาง
Google มีการปลดพนักงานหลายรอบในปี 2025 โดยกระทบหลายฝ่ายในสหรัฐฯ ทั้งฝ่าย Cloud หลายร้อยคน ฝ่าย Platforms & Devices ที่ดูแล Android, Pixel และ Chrome ฝ่าย People Operations และฝ่าย Cloud Support
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการเปิดโครงการสมัครใจลาออกให้กับพนักงานในบางส่วนด้วย และเหตุผลของการปรับโครงสร้างครั้งนี้เพราะต้องการลดการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่โตช้า เพื่อทุ่มทรัพยากรเพิ่มไปในงาน AI Research และ AI Products มากขึ้น ทำให้ Google ต้องเลือกปรับคนจากผลิตภัณฑ์เดิมไปสู่โครงการ AI ใหม่ ๆ
Meta บริษัทแม่ เจ้าของ Facebook ปลดพนักงานในทีม Superintelligence ที่ดำเนินงานด้าน AI ไปจำนวนราว 600 คน ซึ่งการปรับครั้งนี้ประกาศโดย Alexandr Wang, Chief AI Officer ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งไปไม่นาน พร้อมระบุว่าเป้าหมายคือทำให้ “ทีมเล็กลงแต่มีความรับผิดชอบมากขึ้น”
ทั้งนี้ พนักงานที่ถูกปลดสามารถสมัครตำแหน่งงานในทีมอื่นแทนได้ และทางบริษัทก็ยังคงเปิดรับคนด้าน AI อยู่เช่นกัน
เหตุผลหลัก ๆ ของ Meta คือต้องการลดขนาดทีมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจ ซึ่งทาง Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัท เคยตั้งเป้าลดบุคลากรปี 2025 ไว้ที่ประมาณ 5%
Oracle ปรับโครงสร้างลดพนักงานหลายแห่งในสหรัฐฯ รวมแล้วกว่า 800 ตำแหน่ง โดยตั้งเป้าที่จะหันโฟกัสไปการลงทุนด้าน Cloud และ AI และต้องการที่จะลดต้นทุนในกลุ่มธุรกิจเก่า อย่างเช่น Database แบบซื้อขาดแบบเดิมลง
UPS หรือ United Parcel Service ผู้ให้บริการขนส่งรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดพนักงานจำนวน 48,000 คน นับว่ามากที่สุดในปีนี้
UPS นั้นต้องการปรับโครงสร้าง และลดงานต่าง ๆ ลงจากผลกระทบที่เข้ามาหลายด้าน ทั้งภาษีการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ธุรกิจจัดส่ง Amazon ลดลง และแถมราคาหุ้นของบริษัทยังร่วงหนัก ส่งผลให้ต้องปิดศูนย์กว่า 93 แห่งในสหรัฐ และหันมาใช้โครงการ Automation แทนในอีก 400 แห่ง
จากผลกระทบหลาย ๆ อย่าง UPS ตั้งเป้าจะลดสัดส่วนงานจาก Amazon ลงครึ่งหนึ่งภายในกลางปี 2026 ซึ่งนี่จะเป็นการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัท
Ford เตรียมลดพนักงานราว 8,000-13,000 คน ภายในปี 2025 เพื่อปรับองค์กรรับการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ คือ ฝ่ายงานเชิงพาณิชย์ ฝ่ายงานดั้งเดิมในสหรัฐฯ และโรงงานในยุโรป
ซึ่ง Ford ตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนการดำเนินงานต่าง ๆ ลงและตั้งธุรกิจฝั่ง EV แยกออกมาจากแบบดั้งเดิมเลย
PwC บริษัทที่ปรึกษาและตรวจสอบบัญชี ประกาศปลดพนักงานกว่า 5,600 คน ในปี 2025 โดยเฉพาะในฝ่ายตรวจสอบบัญชี (Audit) และฝ่ายภาษี (Tax) เนื่องมาจากอัตราการลาออกของพนักงานในองค์กรลดลง ทำให้คนเกินกำลังงานจริง
นอกจากนี้ บริษัทยังต้องการจะปรับไปลงทุนด้านที่ปรึกษา และบริการ Sustainability เพื่อรองรับความต้องการในตลาดที่เปลี่ยนไป และยังต้องการที่จะผสาน AI และ Automation ในงานหลักมากขึ้น
Paramount Global ผู้ให้บริการสื่อและเอนเตอร์เทนเมนต์ ประกาศปลด 2,000 คน หรือราว 3.5% ของแรงงานในสหรัฐฯ ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทขาดทุนหนักจากบริการสตรีมมิ่งอย่าง Paramount+ อีกทั้งรายได้โฆษณายังลดลง
โดยงานที่ถูกลด จะเป็นในฝ่ายสตรีมมิ่ง ของ Paramount+ ทีมผลิตคอนเทนต์ ฝ่ายบริหารองค์กร ทั้งนี้บริษัทระบุว่าต้องควบคุมต้นทุนหลังลงทุนสตรีมมิ่งหนักแต่ไม่คืนทุน ซึ่งในปี 2024 ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งลดพนักงานไป 15% แล้ว
Salesforce ลดพนักงานฝ่าย Customer Support จำนวน 4,000 คน ซึ่งเท่ากับว่าลดลงจาก 9,000 คนเหลือ 5,000 คน เนื่องจากบริษัทระบุว่า AI สามารถตอบลูกค้าแทนได้กว่า 50% ของงาน
โดยซีอีโอ Marc Benioff ยืนยันว่า AI ช่วยบริษัททำงานมีประสิทธิภาพขึ้นโดยไม่กระทบคุณภาพบริการ แม้ก่อนหน้านี้เขาเคยประกาศว่า “มนุษย์จะไม่หายไปจากองค์กร”
นอกจากนี้ ในส่วนของรัฐบาลสหรัฐภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้มีการตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมา อย่าง Department of Government Efficiency หรือ DOGE โดยก่อนหน้านี้มี Elon Musk นั่งดูแล ซึ่งหน่วยงานนี้ตั้งเป้าที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนให้รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งก็รวมถึงการปลดพนักงานบางส่วนออกด้วย
ตามรายงานของ Layoff.fyi พบว่า DOGE ปลดพนักงานและราชการออกไปมากถึง 71,981 คนในปี 2025 โดยส่วนที่โดนปลดมากที่สุดคือ กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (Department of Health and Human Services) ด้วยจำนวนกว่า 15,000 คน ในขณะที่ตัวเลขพนักงานรัฐบาลกลางที่ลาออกทั้งหมดรวม 182,528
ที่มา: Economic Times, Layoff.fyi
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney