Pay Solutions เปิดแผนหนุนธุรกิจไทยให้อยู่รอด เมื่อคนไทยใช้จ่ายเยอะ แต่ร้านค้าเสียเปรียบแพลตฟอร์ม

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Pay Solutions เปิดแผนหนุนธุรกิจไทยให้อยู่รอด เมื่อคนไทยใช้จ่ายเยอะ แต่ร้านค้าเสียเปรียบแพลตฟอร์ม

Date Time: 29 ต.ค. 2568 17:56 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

Pay Solutions ผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์แห่งแรกของไทย เผยภาพรวมการชำระเงินของคนไทยตลอดปี 2025 ทั้งผ่านระบบออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมฉายภาพช่วยร้านค้าไทยเติบโตในยุคดิจิทัลที่เศรษฐกิจขาลง

Latest


แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ในทุก ๆ วันผู้คนก็ยังคงต้องออกมาจับจ่ายใช้สอยกันต่อเนื่อง และความมาแรงของรูปแบบการชำระเงินของคนไทยคงหนีไม่พ้นการสแกนจ่าย หรือการใช้จ่ายผ่านทางออนไลน์

Pay Solutions ผู้ให้บริการระบบชำระเงินออนไลน์แห่งแรกของไทย เผยภาพรวมการชำระเงินในไทยตลอดปี 2025 ชี้ คนไทยยังนิยมทั้งการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอของ Pay Solutions เปิดเผยว่า มียอดธุรกรรมผ่าน Pay Solutions ระยะเวลา 10 เดือนของปีนี้สูงกว่า 10,500 ล้านบาท และคาดการณ์ยอดรวมสิ้นปีจะอยู่ที่ 12,200 ล้านบาท หรือโตขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปี 2024 ที่อยู่ที่ราว 6,083 ล้านบาท

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอของ Pay Solutions
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอของ Pay Solutions


คนไทยใช้จ่ายเยอะแค่ไหน?

ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ยอดการชำระผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนของ PromptPay มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยช่วงระหว่าง 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2025 มียอดใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ดังนี้

  • การโอนเงินผ่าน PromptPay ต่อวันอยู่ที่ 76.2 ล้านรายการ มูลค่ากว่า 144,400 ล้านบาท
  • การทำธุรกรรมผ่าน Internet และ Mobile Banking อยู่ที่ 3,383.3 ล้านรายการ มูลค่าราว 9.8 ล้านล้านบาท
  • การชำระด้วยบัตรเครดิตในช่องทางออนไลน์ จำนวน 39.1 ล้านครั้ง มูลค่าเฉลี่ยต่อออเดอร์อยู่ที่ 1,240 บาท/รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 48,500 ล้านบาท
  • การใช้งาน e-Payment มีจำนวนการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นเป็น 699 ครั้ง/คน/ปี จาก 651 ครั้ง/คน/ปีในปีก่อนหน้า

ในขณะที่การใช้จ่ายผ่านระบบออฟไลน์ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างเช่นการรูดบัตรผ่านเครื่อง EDC มียอดการทำธุรกรรมอยู่ที่ 75.4 ล้านครั้งโตขึ้น 1.7% จากปีที่แล้ว โดยมูลค่าการทำธุรกรรมเฉลี่ยอยู่ที่ 2,130 บาท/รายการ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมที่ 160,700 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า PromptPay กำลังเติบโตขึ้นเป็นช่องทางชำระเงินหลักของคนไทย สะท้อนการย้ายจากระบบชำระเงินแบบเดิมไปสู่การโอนเงินเรียลไทม์ที่สะดวก รวดเร็ว และต้นทุนต่ำกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงไว้ใจที่จะชำระสินค้าที่มีราคาสูงกว่าผ่านระบบออฟไลน์มากกว่า เพราะยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นใจในสินค้าและประสบการณ์ที่ได้รับก่อนตัดสินใจซื้อของแพง


คนจ่ายเยอะ แต่ร้านค้ายังเสียเปรียบแพลตฟอร์ม

หนึ่งในความท้าทายของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในปัจจุบัน นอกจากเรื่องต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว ยังมีเรื่องของค่าธรรมเนียมในการขายสินค้าบนแพลตฟอร์ม e-Commerce ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม อย่างเช่น Shopee, TikTok Shop, Lazada ตลอดจนแพลตฟอร์มมาใหม่หลายตัวที่เริ่มเข้ามาให้บริการในไทย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่องทางเหล่านี้สามารถสร้างรายได้ได้มหาศาล และยังเป็นช่องทางที่ผู้บริโภคนิยมเข้ามาเลือกซื้อสินค้า เพราะแพลตฟอร์มเดียวสามารถหาได้ทุกอย่าง แถมยังมีตัวเลือกสินค้าเดียวกันให้ช้อปนับร้อย 

แต่ในฝั่งของร้านค้า บางเจ้ากลับต้องเผชิญกับปัญหา “ค่าบริการเพิ่มสูงขึ้น” โดยมีการคิดค่าบริการแพลตฟอร์มสูงถึง 15-25% จนบางรายถึงขั้นที่โดนค่าบริการจนไม่เหลือกำไร อีกทั้งแพลตฟอร์มยังปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า ซึ่งร้านค้าจะไม่สามารถดูหรือดึงข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าของตัวเองได้ แม้จะเป็นลูกค้าประจำก็ตาม ร้านก็จะไม่สามารถนำ Data มาใช้ต่อยอดในงานบริการหรือการขายได้

เพื่อแก้ปัญหานี้ Pay Solutions พยายามกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยสร้าง Owned Channel (ช่องทางการชำระเงินและช่องทางการขายของตัวเอง เช่น เว็บไซต์, แชท, อีเมล) เพื่อลดการพึ่งพาแพลตฟอร์ม ลดการจ่ายค่าธรรมเนียม และที่สำคัญคือเพื่อให้ข้อมูลลูกค้าอยู่กับผู้ประกอบการเอง

กลยุทธ์คือ การใช้ Marketplace เป็นช่องทางหาลูกค้าใหม่ แต่ต้องพยายามดึงลูกค้ามาเก็บไว้ใน Owned Channel ของตัวเอง และใช้ช่องทางนี้ขายลูกค้าเก่าและมัดใจให้อยู่กับร้านต่อ โดยทาง Pay Solutions เองก็มีการนำบริษัทในกลุ่มที่ลงทุนมาเชื่อมต่อกับ Pay Solutions เพื่อสร้าง “Payment Infrastructure” และให้ข้อมูลอยู่ในมือคนไทย


จะทำยังไงให้ร้านค้าไทยรอด?

นอกจากการสนับสนุนกลยุทธ์ให้ร้านค้าสร้าง Owned Channel ของตัวเองแล้ว ทาง Pay Solutions ยังมองด้วยว่า เรื่องการรับชำระเงินของร้านค้าจะต้องตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป นั่นคือต้องรองรับทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ตลอดจนต้องรองรับการชำระที่หลากหลายรูปแบบ

Pay Solutions มองว่า “Hybrid Payment” หรือระบบการชำระเงินที่ครบวงจร รับชำระได้หลากหลายจะตอบโจทย์กับร้านค้าในยุคนี้อย่างมาก เพราะจะเห็นได้ว่าคนไม่ได้พึ่งแค่ช่องทางเดียวในการใช้จ่าย และหลากหลายมากขึ้น 

นอกจากนี้การที่ร้านค้าทั้งรายเล็กใหญ่เปิดให้มีระบบรับชำระที่ครบวงจร จะเป็นการเพิ่มลูกค้าใหม่ ๆ ให้ร้านเอง ซึ่งก็รวมถึงลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ส่วนนี้ก็จะเป็นการช่วยหนุนให้ประเทศสามารถดึงเงินจากต่างชาติเข้ามาได้อีกด้วย

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กล่าวว่า “ในวันที่กำลังซื้อภายในประเทศยังชะลอตัว การดึงเม็ดเงินจากต่างชาติและการเปิดรับช่องทางการชำระเงินจากทั่วโลกคือทางรอดของธุรกิจไทย Pay Solutions พร้อมเป็นโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่เชื่อมเศรษฐกิจไทยเข้ากับโอกาสระดับสากล”

ดังนั้น แผนต่อจากนี้ของ Pay Solutions ในการช่วยสนับสนุนธุรกิจไทยทั้งรายเล็กรายใหญ่ จะเป็นการขยายช่องทาง เพิ่มประสิทธิภาพในระบบชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการรุกหน้าบุกตลาดค้าปลีก (Retail) และตั้ง Kiosk เพื่อรองรับการใช้จ่ายของลูกค้าที่หลากหลาย

อีกทั้งยังได้จับมือกับพาร์ทเนอร์เปิดตัวเครื่อง “Super EDC” ที่มีทั้งระบบ POS, CRM, สะสมแต้ม, AI วิเคราะห์ข้อมูลในเครื่องเดียว เพื่อช่วยลดภาระในเรื่องค่าใช้จ่าย ต้นทุนเทคโนโลยีสำหรับร้านอาหารและค้าปลีก ซึ่งส่วนนี้ทาง Pay Solutions จะรุกในตลาดระบบชำระเงินออฟไลน์มากขึ้น



ขยายบริการให้ครบวงจรมากขึ้น เน้นเป็น Payment ที่รองรับทั้งออนไลน์และออฟไลน์ และจะเพิ่มบริการจ่ายเงินออก หรือ Payout จากเดิมที่มีแค่รับเงินเข้า ทำให้มีลักษณะคล้ายธนาคารมากขึ้นและเพิ่มประโยชน์ให้กับร้านค้ามากขึ้น

ตลอดจนให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย ผ่านการทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพราะในปัจจุบันปัญหาอย่างเรื่องสแกมเมอร์หรือบัญชีม้าและการฟอกเงินกำลังระบาดหนักและกระทบกับหลายฝ่าย ซึ่งส่วนนี้ Pay Solutions จะเดินหน้าเต็มที่ช่วยปราบปรามสแกมเมอร์และเข้าร่วมระบบ Blacklist บัญชีม้า


ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney 



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ