Tim Cook ไปทำอะไรที่จีน? ทริปรีเซ็ตความสัมพันธ์ รักษาตลาดใหญ่สุดของโลก

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Tim Cook ไปทำอะไรที่จีน? ทริปรีเซ็ตความสัมพันธ์ รักษาตลาดใหญ่สุดของโลก

Date Time: 17 ต.ค. 2568 13:36 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

ภารกิจรีเซ็ตสัมพันธ์ รักษาตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Apple และ Tim Cook ซีอีโอ Apple การกลับมาเยือน "จีน" อีกครั้ง ท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ และการขยายฐานการผลิตกลับประเทศ

Latest


การเยือนจีนรอบล่าสุดของ Tim Cook ในรอบสองปี ทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า ซีอีโอของ Apple ไปทำอะไร เพราะภาพที่ปรากฏสู่สาธารณะค่อนข้างสร้างความประทับใจให้กับโลกโซเชียล ท่ามกลางความร้อนระอุของเวทีการค้า ตั้งแต่การปรากฏตัวในไลฟ์สดของ Apple Store บน Douyin เพื่อประกาศวันเปิดจองและวันวางจำหน่ายของ iPhone Air รุ่นใหม่ในจีนแผ่นดินใหญ่ ต่อเนื่องด้วยภาพถ่ายกับ Labubu และผู้บริหาร Pop Mart

ภารกิจรีเซ็ตสัมพันธ์ รักษาตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Apple

ทริปนี้เริ่มต้นเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2025 Tim Cook เริ่มต้นเข้าร่วมงานฉลองครบรอบ 10 ปีของ Pop Mart’s THE MONSTERS ที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเจ้าของของเล่นยอดนิยม “Labubu” พร้อมพบกับ Wang Ning ผู้ก่อตั้ง Pop Mart และ Kasing Lung ศิลปินผู้ออกแบบ Labubu ที่ได้สาธิตการวาดภาพบน iPad Pro ต่อหน้า Tim Cook พร้อมกับมอบตุ๊กตา Labubu ให้เป็นของที่ระลึกอีกด้วย

และในคืนเดียวกันนั้น Tim Cook ก็ได้ปรากฏตัวแบบเซอร์ไพรส์ในไลฟ์สดของร้าน Apple Store บนแพลตฟอร์ม Douyin (ติ๊กต็อกเวอร์ชันจีน) เพื่อโปรโมตทั้ง iPhone 17 Series และประกาศวันเปิดจองล่วงหน้าของ iPhone Air ในจีน โดยระบุว่าจะเริ่มเปิดจองในวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคมเวลา 9.00 น. และเริ่มจัดส่งเครื่องตั้งแต่วันพุธที่ 22 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยไลฟ์นี้ก็คว้ายอดชมไปหลายสิบล้านครั้ง

ในวันถัดมา Tim Cook ยังได้เยี่ยมชมร้าน Apple Store ที่เซี่ยงไฮ้ พร้อมเข้าพบทีมพัฒนาเกมจาก Lilith Games ผู้สร้างเกมดัง “AFK Journey” และประกาศผ่านออนไลน์ถึงการบริจาคของ Apple ให้กับ มหาวิทยาลัยชิงหัว (Tsinghua University) เพื่อสนับสนุนการศึกษาด้านเทคโนโลยี

จากนั้นก็ได้เข้าพบกับ Li Lecheng รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนที่กรุงปักกิ่งเพื่อยืนยันว่า Apple จะยังคงขยายการลงทุนในจีนต่อเนื่อง ทั้งในด้านซัพพลายเชน การวิจัยและพัฒนา (R&D) และความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะในประเด็นพลังงานสะอาด ซึ่ง Apple ได้ตั้งกองทุนพลังงานสะอาดมูลค่า 720 ล้านหยวนไปก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ยังได้เข้าพบ Wang Wentao รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนเพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึง He Lifeng ผู้เจรจาการค้าระดับสูงของจีนและรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยซีอีโอระดับโลกท่านอื่นๆ ที่อยู่ในคณะกรรมการที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยชิงหัว

ในปี 2024 Tim Cook เดินทางเยือนจีนถึง 3 ครั้ง และทริปล่าสุดนี้ถือเป็นการเยือนครั้งที่สองในปี 2025 การเดินทางครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการ “โปรโมตสินค้าใหม่” แต่ยังเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่าง Apple กับจีน สะท้อนการ “รีเซ็ตความสัมพันธ์” ของ Apple กับจีน ตลาดสมาร์ตโฟนที่ใหญ่ที่สุดของโลก และฐานการผลิตหลักของบริษัทมายาวนานกว่า 20 ปี ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องภาษีศุลกากรและข้อจำกัดการส่งออก

นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของ “เทคโนโลยี eSIM” และการผลิตสมาร์ตโฟนแห่งอนาคต ซึ่ง iPhone Air ถือเป็นรุ่นแรกของ Apple ที่ใช้เทคโนโลยี eSIM แบบเต็มรูปแบบและสอดคล้องกับช่วงเวลาที่รัฐบาลจีนเพิ่งอนุมัติให้ผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่เริ่มทดลองใช้งานเชิงพาณิชย์ในสัปดาห์เดียวกัน

ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ทางการของ Apple China ราคาของ iPhone Air เริ่มต้นที่ 7,999 หยวน (ประมาณ 1,122 ดอลลาร์สหรัฐ) โดยการวางจำหน่ายในจีนล่าช้ากว่าตลาดอื่นทั่วโลกเกือบหนึ่งเดือน เนื่องจากต้องรอการอนุมัติกฎระเบียบด้านเทคโนโลยี eSIM

โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) อนุมัติให้ผู้ให้บริการรายใหญ่ทั้ง China Mobile, China Unicom และ China Telecom เริ่มต้นโครงการนำร่องบริการ eSIM สำหรับสมาร์ตโฟนได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญที่ปูทางให้ iPhone Air เข้าสู่ตลาดจีนได้ทันเวลา

แรงกดดันจากสหรัฐฯ และการขยายฐานการผลิตกลับประเทศ

การกลับมาครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ว่า Apple ยังคงต้องพึ่งพาจีน แม้ในขณะที่บริษัทกำลังเร่งกระจายการผลิตไปยัง “อินเดีย” และ “เวียดนาม”

นับตั้งแต่ยุคประธานาธิบดี Donald Trump Apple ถูกกดดันให้ย้ายการผลิตกลับบ้าน (Reshoring) เพื่อสร้างงานในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาจีน Tim Cook จึงได้เริ่มลงทุนใน โรงงานผลิตชิปของ TSMC ที่รัฐแอริโซนา รวมถึงขยายความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในอเมริกา เช่น Corning (กระจกหน้าจอ) และ Amkor (แพ็กเกจจิ้งชิป)

อย่างไรก็ตาม Apple ชี้ว่า ไม่มีแผนที่จะย้ายการประกอบ iPhone กลับมายังสหรัฐในระยะสั้น เนื่องจากต้นทุน การจัดระบบซัพพลายเชน และความซับซ้อนของโลจิสติกส์จะสูงมาก หากต้องสร้างฐานการผลิตทั้งหมดใหม่ภายในประเทศ เพราะการย้ายสายการผลิตระดับมหภาคออกจากจีนไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากจีนยังคงเป็น “ศูนย์กลางเทคโนโลยีการประกอบ” (Assembly Ecosystem) ที่ครบวงจรที่สุดในโลก และมีซัพพลายเออร์กว่า 150 รายในห่วงโซ่ของ Apple

ฝั่งสหรัฐฯ เพิ่มข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีต่อจีน โดยเฉพาะในชิป AI และการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของบริษัทอเมริกันในจีน โดยฝั่งจีนเองก็เริ่มหนุนแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Huawei ที่กลับมาทวงตลาดด้วยสมาร์ตโฟน Mate 70 และกำลังชิป AI ของตนเอง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศ และล่าสุดก็ได้ประกาศควบคุมการส่งออก แร่ธาตุสำคัญ (rare earths / critical minerals) ซึ่งเป็นวัตถุดิบจำเป็นในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐฯ

แม้จะพยายามรักษาสมดุล แต่ Apple กำลังเผชิญแรงเสียดทานจากทั้งสองฝ่าย ทำให้ Apple ต้องเล่นเกมละเอียด รักษาฐานรายได้จากจีนที่ยังคิดเป็นกว่า 18% ของยอดขายทั่วโลก ขณะเดียวกันก็ต้องแสดงท่าทีสอดคล้องกับนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ

อ่านเพิ่มเติม

ที่มาข้อมูล Bloomberg , South China Morning Post

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ