
OpenAI สตาร์ทอัพรายใหญ่สุดของโลกเจ้าของ ChatGPT กำลังพิสูจน์ให้โลกเห็นว่ามีอิทธิพลมากแค่ไหนในโลกของ AI ไม่ว่าจะจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับใครทั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ตลอดจนธุรกิจรายเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดได้ หรือแม้กระทั่งแค่เอ่ยชื่อเคียงคู่กับ OpenAI บริษัทเหล่านั้นก็ล้วนแต่ได้รับผลประโยชน์ หุ้นพุ่งทะยานขึ้นทันที
ล่าสุด จากงานประชุมนักพัฒนา (Developers Event) ประจำปีของ OpenAI เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการกล่าวถึงชื่อของบางบริษัทจดทะเบียนในระหว่างการประชุม ก็ทำให้หุ้นของบริษัทเหล่านั้นพุ่งขึ้นทันที ไม่ว่าจะเป็น
นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทอื่น ๆ อย่างเช่น Expedia Group และ TripAdvisor ในกลุ่มท่องเที่ยว ก็ขยับขึ้นเช่นกันที่ 7% หลังจากที่มีการกล่าวว่าจะนำ ChatGPT มาผนวกเข้ากับแอปพลิเคชันของตัวเอง
ในวันเดียวกันนั้น OpenAI ยังได้มีการประกาศข้อตกลงใหญ่ร่วมกับ Advanced Micro Devices (AMD) ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ คู่แข่งสำคัญของ Nvidia โดยดีลนี้ OpenAI จะใช้ชิปของ AMD ในฮาร์ดแวร์ พร้อมกับเข้าถือหุ้น 10% ใน AMD
ข้อตกลงนี้ ส่งผลให้หุ้นของ AMD ทะยานขึ้นไปราว 24% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในวันเดียว
ด้านนักวิเคราะห์บางส่วนยังมองด้วยว่า นี่อาจจะเป็นผลดีต่อตลาดเทคโนโลยี Anurag Rana จาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า “เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นศักยภาพใหม่ ๆ ของการใช้งาน AI และอาจช่วยให้ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์รายอื่นดึงดูดผู้ใช้งานหน้าใหม่ได้มากขึ้น อีกทั้งยังเชื่อว่าความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับบริษัทซอฟต์แวร์ต่าง ๆ จะช่วยลดความกลัวที่ว่า AI จะเข้ามาทำลายอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แบบเดิม
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ กลับไปจุดกระแสเรื่อง “ฟองสบู่ AI” ให้ร้อนแรงขึ้นด้วย นักลงทุนหลายรายเริ่มเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับ “ยุคดอทคอม” ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปี 2000
ตามรายงานของ Bloomberg, Joe Saluzzi พาร์ทเนอร์ของ Themis Trading กล่าวว่า “นี่คือสภาพตลาดแบบโมเมนตัมที่อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ OpenAI หุ้นก็ขยับได้ โดยคนเริ่มไม่สนใจปัจจัยพื้นฐานแล้ว” ก่อนจะกล่าวถึงประเด็นฟองสบู่ AI ว่า “แต่ตอนนี้เงินกำลังหลั่งไหลเข้าสู่วงการ AI อย่างมหาศาล และทุกคนรู้ว่าเรากำลังอยู่ในช่วงฟองสบู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเพิ่งเริ่มต้น หรือใกล้จบแล้วกันแน่”
ด้าน Sam Altman ก็ได้แสดงความเห็นถึงความร้อนแรงของบริษัทตัวเอง ที่ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อร่วมกับใครก็ทำให้หุ้นพุ่งขึ้นทันที โดยเขากล่าวว่า “มันเป็นเรื่องใหม่ที่แปลกดีนะ เราก็พยายามหาทางปรับตัวกับโลกแบบนี้อยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันแปลกจริง ๆ”
ปัจจุบันนี้ OpenAI ถือเป็นสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าทะลุ 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากปิดดีลใหญ่ให้พนักงานขายหุ้นภายในบริษัทได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney