ดีล 10,000 ล้านที่เปลี่ยน AMD สู่คู่แข่งตัวจริง ข้อตกลงใหม่เปิดทางOpenAI ใช้ชิป-ถือหุ้นสูงสุด 10%

AMD จุดกระแสการแข่งขันในสมรภูมิ “ชิป AI” ให้เดือดขึ้นอีกครั้ง หลังบรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์มูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับ OpenAI เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์มูลค่ามหาศาล

ดีลนี้ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ AMD ก้าวขึ้นมาท้าทาย Nvidia ในตลาดชิป AI แต่ยังทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งทะลุ 330,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่า Coca-Cola, General Electric และ Chevron 

เพียงวันเดียว หุ้น AMD พุ่งขึ้นกว่า 24% เมื่อวันจันทร์ (6 ต.ค.) ก่อนเปิดตลาดและปิดที่ 203.71 ดอลลาร์สหรัฐ ดันมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นถึง 63,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ภายใต้ข้อตกลงนี้ OpenAI จะติดตั้งชิป GPU รุ่น Instinct ของ AMD ที่รวมกำลังสูงถึง 6 กิกะวัตต์ หรือประมาณครึ่งหนึ่งของดีลก่อนหน้าที่ทำกับ Nvidia ซึ่งมีขนาดรวม 10 กิกะวัตต์ โดยมีกำหนดเริ่มต้นติดตั้ง 1 กิกะวัตต์แรกในครึ่งหลังของปี 2026

นอกจากนี้ OpenAI จะได้รับสิทธิ์ซื้อหุ้น AMD สูงสุดถึง 160 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 1 เซนต์ ซึ่งหากบรรลุเงื่อนไขทั้งหมด OpenAI อาจถือหุ้นได้ถึง 10% ของ AMD โดยมีเงื่อนไขการได้สิทธิ์ตามปริมาณการติดตั้งและระดับราคาหุ้น

โดยการได้สิทธิ์ชุดแรกจะเกิดขึ้นเมื่อ OpenAI ติดตั้งครบ 1 กิกะวัตต์แรก และชุดต่อ ๆ ไปจะทยอยปลดล็อกตามลำดับเมื่อ OpenAI ขยายกำลังติดตั้งถึง 6 กิกะวัตต์และบรรลุเป้าหมายด้านเทคนิคและเชิงพาณิชย์ที่กำหนดไว้ ซึ่งหาก OpenAI ใช้สิทธิ์ครบทุกส่วน บริษัทจะถือหุ้นใน AMD ได้ประมาณ 10% จากจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน

ดีลที่เปลี่ยนสถานะ AMD จากผู้ท้าชิงสู่คู่แข่งตัวจริง

Lisa Su ซีอีโอ AMD กล่าวอย่างมั่นใจว่า “นี่คือ win-win ที่จะเร่งการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ทะเยอทะยานที่สุดในโลก”

Bloomberg รายงานว่า ข้อตกลงนี้ทำให้ AMD กลายเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์หลักของ OpenAI สะท้อนให้เห็นจุดเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ธุรกิจและการลงทุน โดยเฉพาะเปลี่ยนให้ AMD ขึ้นแท่นผู้เล่นที่สูสีและถือเป็น “การถ่วงดุล” เชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญที่อาจลดการพึ่งพา Nvidia ลงอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อตกลงนี้ช่วยลดแรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมและลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์รายเดียวของ OpenAI และกลายเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ที่อาจสร้างรายได้ให้ AMD หลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีและยกระดับสถานะบริษัทให้กลายเป็นผู้เล่นหลักในโลก AI

โดยการเปิดดีลใหม่ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก OpenAI บรรลุข้อตกลงกับ Nvidia ในสัปดาห์ก่อนที่เพิ่งประกาศข้อตกลงมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับ Nvidia ซึ่งเป็นการผูกความร่วมมือระยะยาวในการจัดหาชิปและร่วมลงทุน โดย Nvidia เข้าซื้อหุ้นใน OpenAI แทน

แม้ปัจจุบัน Nvidia ยังคงเป็นเจ้าตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Data Center Accelerator ที่มียอดขายกว่า 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีและยังเติบโตเท่าตัวต่อเนื่อง แต่ดีลกับ OpenAI อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
AMD ที่คาดว่ารายได้จากกลุ่มนี้จะเพิ่มเป็น 6,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และจะเร่งขึ้นในปี 2027 โดยบริษัทตั้งเป้าว่าด้วยดีล OpenAI จะสามารถขยายรายได้จากกลุ่มนี้ทะลุ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ในระยะกลาง

AI กลายเป็น “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ของบริษัทเทคไม่กี่ราย

นักวิเคราะห์ Stacy Rasgon จาก Bernstein ระบุว่า ข้อตกลงนี้อาจเป็นครั้งแรกที่ชี้ชัดว่า ความต้องการใช้ชิปของ AMD จากลูกค้ารายใหญ่ไม่ใช่แค่คำสั่งซื้อเพื่อกดราคา Nvidia อีกต่อไป แต่สะท้อนถึงความสนใจจริงในเทคโนโลยีของ AMD อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะผูกมัด AMD กับแผนการขยายโครงสร้างพื้นฐานของ OpenAI อย่างมาก ซึ่งถ้าแผนเหล่านั้นสะดุดก็อาจกระทบต่อบริษัทโดยตรง

นอกจากนี้นักวิเคราะห์บางรายยังเตือนว่า การเร่งขยายศูนย์ข้อมูล AI ทั่วโลกด้วยเงินจากนักลงทุน VC, การระดมทุนด้วยหนี้และทุน รวมถึงข้อตกลงทางการเงินที่ซับซ้อนในโลกเทคโนโลยีอาจนำไปสู่ความเสี่ยงเชิงระบบ หากรายได้จาก AI ไม่เติบโตทันกับการลงทุน

ดีลระหว่าง OpenAI และ AMD สะท้อนถึงโครงสร้าง “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ของอุตสาหกรรม AI ที่ทุน หุ้น และพลังประมวลผลถูกแลกเปลี่ยนระหว่างบริษัทไม่กี่รายในระบบเดียวกัน กล่าวคือ ปัจจุบันอุตสาหกรรม AI กำลังกลายเป็น “วงจรปิดของทุน-เทคโนโลยี-โครงสร้างพื้นฐาน”

Nvidia ลงทุนและจัดหาชิป Oracle ช่วยสร้างศูนย์ข้อมูล AMD และ Broadcom เข้ามาเป็นซัพพลายเออร์หลัก ขณะที่ OpenAI เป็นศูนย์กลางของดีมานด์ทั้งหมด ซึ่งนักวิเคราะห์เตือนว่า หาก “ห่วงโซ่” ใดในระบบนี้เริ่มอ่อนแรง อาจกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมโดยรวม

อย่างไรก็ตาม ดีลระหว่าง OpenAI และ AMD ถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังเดินมาถูกทาง ในการเพิ่มกำลังการผลิตและสร้างโมเดล AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น การที่ OpenAI ขยายพันธมิตรจาก Nvidia ไปยัง AMD สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามสร้าง “ระบบนิเวศแบบหลายขั้ว” (Multi-Supplier Ecosystem) เพื่อรองรับการเติบโตของโมเดลขนาดยักษ์ในอนาคต

ที่มาข้อมูล Bloomberg , CNBC , Techcrunch

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

https://www.facebook.com/ThairathMoney