
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน รูปแบบการชำระเงินใช้จ่ายของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก หลายคนแทบที่จะไม่ถือเงินสด และมีเพียงแค่สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็สามารถออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้แล้ว ทั้งนวัตกรรมอย่าง พร้อมเพย์ ที่ทำให้การชำระเงินง่ายขึ้น ตลอดจนการแตะบัตรเครดิต-เดบิตบนเครื่องรับชำระก็สะดวกมากขึ้น
จากข้อมูลที่นำเสนอโดย Beam สตาร์ทอัพ FinTech ของไทย ระบุว่า ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด โดยภายในปี 2030 ผู้คนมากถึง 90% จะไม่ใช้จ่ายผ่านเงินสดแต่จะใช้จ่ายผ่านดิจิทัลแทน (แม้ว่าปัจจุบันนี้ ราว 55% ของคนไทยยังใช้จ่ายด้วยเงินสด)
และด้วยความสะดวกสบายในการใช้จ่ายนี้ Beam สตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้าน Payment ที่ก่อตั้งและพัฒนาโดยคนไทย จึงประกาศก้าวใหม่ เปิดตัว “Bolt+” โซลูชั่นด้านการชำระเงินแบบใหม่สำหรับร้านค้า ที่จะทำให้การรับชำระสะดวกขึ้นในยุคที่ลูกค้าไม่พกเงินสด
วิน วารีเกษม ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Beam เล่าว่า Beam คือสตาร์ทอัพ FinTech ที่ก่อตั้งโดยคนไทยตั้งแต่ปี 2019 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโซลูชันการชำระเงินที่ง่ายที่สุด ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายและครอบคลุมการเติบโตของทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมแฟชั่น ร้านค้า ธุรกิจสุขภาพและความงาม ร้านอาหาร ตลอดจนธุรกิจลานจอดรถ
ปัจจุบัน Beam มีลูกค้าเป็นร้านค้ากว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศไทย และรองรับการทำธุรกรรมมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท โดยธุรกิจได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนชั้นนำและ VC ระดับโลก เช่น Sequoia, Partech, SeaX และนักลงทุนอื่น ๆ อีกหลายราย
Beam ดำเนินธุรกิจในรูปแบบ B2B (Business-to-Business) โดยมีโมเดลที่โปร่งใสและเข้าใจง่าย คือ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง ร้านค้าไม่ต้องเสียค่าแรกเข้า ไม่มีค่าบริการรายเดือน (Subscription) และไม่มีค่าธรรมเนียมการถอนเงิน
โดยผลิตภัณฑ์หลักของ Beam แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
ทั้งนี้ Beam ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องจากธนาคารแห่งประเทศไทย และสร้างระบบโดยอิงตามมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลสูงสุด ทั้ง PCI DSS Level 1 และ PDPA เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าข้อมูลจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุด
สำหรับ Bolt+ คือ นวัตกรรมชิ้นใหม่ของ Beam ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจในยุคที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดโดยเฉพาะ โดย Bolt+ จะเป็นอุปกรณ์รับชำระเงินหน้าร้านที่มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก หน้าจอทัชสกรีน จะเชื่อมต่อกับระบบของร้าน หรือคีย์เลขราคาสินค้าลงไปก็ได้ ทำให้ใช้งานง่าย และยังรับชำระเงินได้ครบทุกช่องทางหลักในเครื่องเดียว ไม่ว่าจะเป็น
วิน วารีเกษม กล่าวว่า “ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับค่าธรรมเนียมที่ต่ำและไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง ทำให้ร้านค้าหมดกังวลเรื่องการรับชำระเงิน”
Bolt+ ยังออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกสถานการณ์และทุกรูปแบบของหน้าร้านค้า ไม่ว่าจะเป็น
ในช่วงท้าย วิน วารีเกษม กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตามวิสัยทัศน์ของ Beam คือ การสร้างระบบชำระเงินที่ง่ายที่สุดในโลกและนำมาตรฐานระดับโลกนั้นมาสู่ประเทศไทย”
โดยเป้าหมายสำหรับปีนี้ คือการสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในฝั่งออนไลน์ ซึ่งตั้งเป้ายอดรับชำระให้เกิน 10,000 ล้านบาท และฝั่งออฟไลน์ผ่านการขยายการใช้งานเครื่อง Bolt+ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney