
Data Center กลายเป็นหนึ่งในความต้องการใหม่ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เมื่อยุค AI ทำให้ทุกคนต้องเร่งสร้างนวัตกรรมอัจฉริยะนี้เป็นของตัวเอง แต่ผลกระทบที่ตามมาคือ การใช้งานทรัพยากรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งใช้น้ำและไฟฟ้าปริมาณมหาศาล แถมยังปล่อยมลพิษออกมาอีกหลายทิศทาง
จากรายงานของ Goldman Sachs ระบุว่า ความต้องการใน AI และ Data Center ที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะทำให้ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 165% ภายในปี 2030 นอกจากนี้ ยังมีรายงานออกมาอีกว่า Data Center ในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว ใช้ไฟราว 4% ของการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศ และจากตัวเลขนี้พบว่า 56% ของพลังงานที่ใช้มาจากพลังงานฟอสซิลอีกด้วย
จึงเป็นที่มาให้เหล่าบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาพัฒนา AI เกิดไอเดีย “สร้าง Data Center ในอวกาศ” ขึ้นมา หวังแก้ปัญหาเรื่องทรัพยากรที่กำลังเกิดขึ้น
หนึ่งในนั้น คือ Sam Altman ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ OpenAI เจ้าของแชตบอทอย่าง ChatGPT ที่เคยออกมาพูดผ่านรายการพอดแคสต์ว่า “การขยายตัวของ Data Center นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และขอเดาว่าพอเวลาผ่านไป โลกจะเต็มไปด้วย Data Center”
ก่อนจะพูดถึงเรื่องที่น่ากังวลว่า หลายคนอาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้ เขากล่าวว่า “ผมได้พูดคุยกับนักสิ่งแวดล้อมหลายคน ก็มีคำแนะนำว่า หรือเราควรจะไปตั้ง Data Center ในอวกาศ”
“ผมหวังว่าจะมีหลักการที่ชัด และมีคำตอบที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ แต่เราก็กำลังควานหาหนทางที่เป็นไปได้” Sam Altman กล่าว
ไอเดียที่จะสร้าง Data Center ขนาดหลายล้านตารางกิโลเมตรบนอวกาศนั้นดูเหมือนจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่ก็ไม่ได้มีแค่ Sam Altman เท่านั้นที่คิดเรื่องนี้ ยังมี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และ Blue Origin และ Eric Schmidt อดีตซีอีโอของ Google ที่สนับสนุนไอเดียนี้
โดย Sam Altman เคยเล่าแนวคิดไว้ว่า อยากจะไปสร้าง Dyson Sphere สิ่งก่อสร้างขนาดยักษ์ที่จะล้อมรอบดาวฤกษ์เอาไว้ เพื่อกักเก็บและนำพลังงานมาใช้ โดย Sam เสนอว่าอยากจะไปสร้าง Dyson Sphere ที่เป็น Data Center ล้อมรอบพระอาทิตย์ไว้ ซึ่งจะสามารถกักเก็บพลังงานได้มหาศาลจากดวงอาทิตย์
ซึ่งคำพูดนี้ดูเป็นเรื่องสมมติและห่างไกลจากความเป็นจริงอย่างมาก จนมีบางคนมองว่า ถ้าจะไปตั้งสิ่งก่อสร้างรอบดวงอาทิตย์มันจะต้องใช้ต้นทุนที่สูงกว่าการสร้างบนพื้นดินมากมายขนาดไหน และมันจะส่งผลอย่างไรกับระบบจักรวาลบ้าง
แต่ก็ยังจะพอมีความหวังอยู่บ้าง เพราะปัจจุบันนี้มีสตาร์ทอัพสายเทคโนโลยีอย่าง Starcloud, Axiom และ Lonestar Data Systems ที่กำลังระดมทุนเพื่อพัฒนาไอเดียสร้าง Data Center ในอวกาศให้เกิดขึ้นจริง
ยังคงมีแนวคิดทางวิทยาศาสตร์จริง ๆ อยู่เบื้องหลังแนวคิดนี้ Ali Hajimiri วิศวกรไฟฟ้าและศาสตราจารย์ในโปรเจกต์ Space Solar Power ของ Caltech ที่ได้ทำการขอสิทธิบัตรในระบบคำนวณแบบขนาด (Parallel Computational System) ในอวกาศ มาตั้งแต่ปี 2016
Ali Hajimiri ค้นพบว่า นับตั้งแต่ 2016 เป็นต้นมา ต้นทุนในการส่งขึ้นสู่อวกาศลดลง ในขณะที่แผงโซลาร์ก็มีน้ำหนักที่เบาลงแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเมื่อไม่นานมานี้ Ali Hajimiri ร่วมกับทีมงานได้ค้นพบระบบพลังงานโซลาร์ในอวกาศที่มีน้ำหนักเบาลง และยังสามารถผลิตพลังงานได้ในราคาที่ถูกลง (ที่ราว 10 เซ็นต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง) ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าการผลิตบนโลก
ซึ่งนั่นหมายความว่า มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถออกไปสร้าง Data Center นอกโลกตามแนวคิดที่ Sam Altman เสนอมาได้ แต่ทาง Ali Hajimiri กลับยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถสร้างได้ขนาดใหญ่ให้พอตามความต้องการของบริษัทเทคใหญ่ ๆ อย่าง OpenAI ต้องการได้หรือไม่
ทั้งนี้ การจะตั้ง Data Center บนอวกาศยังมีข้อจำกัดอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การประมวลผลข้อมูลที่จะช้ากว่าการทำงานบนพื้นโลก เนื่องจากมีผลกระทบจากรังสีต่าง ๆ นอกโลก ตลอดจนการซ่อมแซมและการดูแลรักษาที่จะยากขึ้นไปยิ่งกว่า แม้ว่าในอนาคตจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแน่นอน แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร
ในช่วงที่ผ่านมา ก็เริ่มมีการทดลองอย่างจริงจังจากสตาร์ทอัพเทคโนโลยี แต่ก็ยังคงอยู่ในระยะ “ทดลอง” โดยมี Starcloud ที่เตรียมจะส่งกล่องบรรจุข้อมูลขนาดเท่าตู้เย็น ออกไปนอกอวกาศ โดยด้านในจะมีชิปของ Nvidia อยู่ ส่วนด้านสตาร์ทอัพ Lonestar Data Systems ก็ได้ลองส่ง Data Center ขนาดจิ๋วที่ด้านในมีเพียงเพลงของ Imagine Dragons ไปแลนด์บนดวงจันทร์ แต่ลงจอดได้ไม่นานเครื่องก็เสีย
แม้ว่าปัจจุบันจะมีความพยายามอย่างมากที่จะผลักดันให้ไอเดียนี้เกิดขึ้นจริง แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังต้องใช้เวลาอีกมากถึงจะทำให้มี Data Center
ที่มา: Wired, Space, Goldman Sachs
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney