
ท่ามกลางความวุ่นวายและความสับสน เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ออกคำสั่งขึ้นค่าธรรมเนียม “วีซ่า H-1B” เป็น 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งวีซ่าดังกล่าวเป็นวีซ่าสำหรับผู้ที่ย้ายถิ่นฐานตามประเภทการจ้างงาน เป็นวีซ่าที่จะอนุญาตให้บริษัทในสหรัฐฯ สามารถจ้างแรงงานต่างชาติที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษามาทำงานเฉพาะทางได้ จนทำให้บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่มีพนักงานถือวีซ่านี้ต่างเร่งให้กลับสหรัฐอเมริกา แต่ต่อมารัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้ออกมายืนยันว่า จะมีผลกับแค่ผู้ที่ขอวีซ่าใหม่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีทางฝั่งจีน ที่เห็นโอกาสพร้อมกับดึงนโยบาย “K Visa” ที่ทางรัฐบาลตั้งเป้าจะบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ขึ้นมาทันที ซึ่งวีซ่านี้ของจีนมีลักษณะคล้ายคลึงกับ H-1B ของสหรัฐอเมริกา คือต้องการจะดึงคนเก่งอายุน้อยที่มีความสามารถด้าน STEM (Science, Technology, Engineering และ Mathematics) เข้าไปทำงานในประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: วีซ่า H-1B คืออะไร ทำไม “บิ๊กเทค” กระทบหนัก? หลังทรัมป์ประกาศขึ้นค่าธรรมเนียม 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ
K Visa คือวีซ่าที่ออกให้กับต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับ ในสาขาวิชา STEM เพื่อเข้ามาทำงานด้านการศึกษา วิจัย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และธุรกิจในประเทศจีน โดยระยะเวลาการอยู่อาศัยจะยาวนานขึ้น และจะแตกต่างจากการถือวีซ่าประเภทอื่น
การจะสมัครวีซ่านี้ไม่จำเป็นต้องมีการสปอนเซอร์ ไม่ต้องมีจดหมายเชิญจากนายจ้าง แต่จะมีการคัดเลือกผ่านการศึกษา ประวัติการทำงาน และอายุ
นอกจากนี้ ผู้ที่ถือวีซ่า K Visa นี้ยังสามารถเข้าร่วมแลกเปลี่ยนด้านวิชาการ ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านเทคโนโลยี ด้านวัฒนธรรม ด้านการเป็นผู้ประกอบการ และด้านธุรกิจอีกด้วย
วีซ่านี้ รัฐบาลจีนตั้งเป้าที่จะบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 นี้ และ K Visa ก็เพิ่งได้รับการเพิ่มลงไปในระเบียบการบริหาร โดยจะเจาะจงไปที่ทาเลนต์อายุน้อยให้เข้ามาทำงานด้านเทคโนโลยีและธุรกิจโดยเฉพาะ
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney