ทำไม Figma ถึงเป็น ดาวรุ่งวงการเทคฯ  และ AI ก็ทำอะไรไม่ได้ ?

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทำไม Figma ถึงเป็น ดาวรุ่งวงการเทคฯ และ AI ก็ทำอะไรไม่ได้ ?

Date Time: 1 ก.ย. 2568 12:59 น.

Video

เก็บเงินก็ยาก ลงทุนก็เสี่ยง คนไทยรอดจากความจนยาก? กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ | Thairath Money Night Stand EP.17

Summary

ในวงการเทคโนโลยี มีบริษัทหนึ่งที่เพิ่งสร้าง "ปรากฏการณ์หุ้นร้อน" ให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อหุ้นพุ่งขึ้น 250% ในวันแรกที่เข้าตลาด นั่นคือ Figma บริษัทซอฟต์แวร์ดีไซน์ที่อยู่เบื้องหลังแอปดังๆ ที่ใช้กันทั่วโลก แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ Figma ต้องผ่านดราม่านับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ทีมแห่ลาออก โดนนักลงทุนตอกหน้า ลูกค้าด่ายับ รายการ Digital Frontiers ทางช่อง YouTube : Thairath Money วิเคราะห์กลยุทธ์ธุรกิจของ Figma ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมการเข้าตลาดหุ้นครั้งนี้ถึงเขย่าวงการเทคโนโลยีได้ขนาดนี้?

Latest


ในวงการเทคโนโลยี มีบริษัทหนึ่งที่เพิ่งสร้าง "ปรากฏการณ์หุ้นร้อน" ให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อหุ้นพุ่งขึ้น 250% ในวันแรกที่เข้าตลาด นั่นคือ Figma บริษัทซอฟต์แวร์ดีไซน์ที่อยู่เบื้องหลังแอปดังๆ ที่ใช้กันทั่วโลก

แต่ก่อนจะมาถึงจุดนี้ Figma ต้องผ่านดราม่านับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ทีมแห่ลาออก โดนนักลงทุนตอกหน้า ลูกค้าด่ายับ รายการ Digital Frontiers ทางช่อง YouTube : Thairath Money วิเคราะห์กลยุทธ์ธุรกิจของ Figma  ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมการเข้าตลาดหุ้นครั้งนี้ถึงเขย่าวงการเทคโนโลยีได้ขนาดนี้?

Figma คืออะไร? ทำไมถึงพิเศษ

Figma คือซอฟต์แวร์ดีไซน์สำหรับออกแบบหน้าเว็บไซต์หรือแอป ที่ทำงานบนคลาวด์ สามารถใช้ผ่านเว็บได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม แต่สิ่งที่ทำให้พิเศษกว่าซอฟต์แวร์ดีไซน์อื่นๆ คือแนวคิดการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

ลองนึกภาพการทำเว็บหรือแอปแบบเดิม ต้องผ่านหลายคน ตั้งแต่ PM นักออกแบบ ไปจนถึงโปรแกรมเมอร์ กว่าจะคุยกันรู้เรื่องนี่ยากมาก นักออกแบบส่งไฟล์ให้ PM ดู PM คอมเมนต์กลับมา แก้ไป แก้มา ส่งต่อให้โปรแกรมเมอร์ โปรแกรมเมอร์ก็งง "ปุ่มนี้ไปหน้าไหน?" "สีนี้โค้ดอะไร?" วนไปมาหลายรอบ กว่างานจะเสร็จ

Figma พลิกเกมด้วยแนวคิดง่ายๆ: "ถ้าทุกคนทำงานในไฟล์เดียวกันพร้อมกันได้ล่ะ?"

ผลลัพธ์คือ Figma ทำให้ทุกคนเห็นการออกแบบแบบเรียลไทม์ เหมือนดู Google Docs ที่หลายคนพิมพ์พร้อมกันได้ แต่นี่เป็นการออกแบบ งานที่เคยใช้เวลาหลายเดือน เหลือแค่ไม่กี่วัน

Figma ไม่ได้สร้างเครื่องมือออกแบบที่ดีที่สุด แต่สร้างเครื่องมือทำงานร่วมกันที่ดีที่สุด

เส้นทางก่อนความสำเร็จ

เรื่องราวเริ่มต้นในปี 2012 ที่มหาวิทยาลัย Brown สหรัฐอเมริกา เมื่อ ดิลัน ฟีลด์ หนุ่มนักศึกษาวัย 20 ปี ได้รับเลือกให้ได้ทุน Thiel Fellowship ของปีเตอร์ ธีล

ทุนนี้มีเงื่อนไขพิเศษ คือต้องดร็อปเรียน เพราะผู้ให้ทุนเชื่อว่าเด็กอัจฉริยะควรไปสร้างธุรกิจดีกว่านั่งเรียนในห้อง Field ตัดสินใจรับทุนและชวน เอแวน วอลเลซ เพื่อนที่เขาบอกว่าเป็น "โปรแกรมเมอร์ที่ฉลาดที่สุดที่เคยเจอ" มาร่วมก่อตั้งบริษัท

ตอนแรกทั้งคู่จะทำซอฟต์แวร์สำหรับโดรน แต่เมื่อ Wallace ได้โชว์การสาธิตกราฟิก 3D ที่ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ได้ลื่นๆ จึงเกิดไอเดีย "ทำ Photoshop บนเบราว์เซอร์"

ฝันร้ายยาวนาน 5 ปี

หลังได้ทุนมา ทั้งคู่เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่กลายเป็นฝันร้ายยาวนานเกือบ 5 ปีกว่าจะเปิดตัว

Field บอกทีมว่า "จะเปิดตัวเร็วๆ นี้" มาตลอด 3 ปี แต่ยังอีกไกล จนพนักงานทนไม่ไหวลาออก ทีมต้องจับ Field มาบอกว่า "นายบริหารแย่มาก" ให้หาคนเก่งมาช่วยบริหารทีม

การหาเงินทุนยากมาก Field ไปพิทช์กับนักลงทุนถึงขั้นโดนตอกหน้ากลับมาว่าตัวเองยังไม่รู้เลยว่ากำลังทำอะไร พอเอาโปรดักต์ไปให้นักออกแบบทดลองใช้ก็โดนด่ายับ

แต่พวกเขาไม่ยอมแพ้ เพราะเชื่อว่ากำลังสร้างอนาคต แม้ตอนนี้คนอื่นจะมองไม่เห็นก็ตาม

จุดเปลี่ยนในปี 2016

กันยายน 2016 หลังใช้เวลาพัฒนานานเกือบ 5 ปีเต็ม Figma เปิดตัวเวอร์ชันสาธารณะอย่างเป็นทางการ พร้อมฟีเจอร์ที่ "ฉีกกฎ" โปรแกรมออกแบบเดิมๆ ด้วยการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ หรือ "Multiplayer"

Dylan Field ซีอีโอของ Figma บอกว่า: "เราเชื่อว่าการทำงานแบบทีมต้องเห็นทุกอย่างไปพร้อมกัน และ Adobe ยังไม่เข้าใจสิ่งนี้จริงๆ"

กลยุทธ์การขายที่แตกต่าง

Figma ใช้วิธีขายที่เรียกว่า "Product-Led Growth" แทนที่จะจ้างพนักงานขายไปหาลูกค้า พวกเขาให้ใช้ฟรี พอลองแล้วชอบก็ชวนเพื่อนมาเรื่อยๆ ก่อนที่ฝ่ายจัดซื้อจะรู้ตัว ครึ่งบริษัทใช้ Figma กันหมดแล้ว

วิธีนี้ทำให้วันนี้ 95% ของบริษัท Fortune 500 ใช้ Figma และมีผู้ใช้รายเดือน 13 ล้านคน

ดราม่า Adobe กับดีลยักษ์ที่ล้มเหลว

ปี 2022 Figma เริ่มโตก้าวกระโดด Adobe เริ่มเหงื่อตก เพราะซอฟต์แวร์ UX ของพวกเขาที่ชื่อ Adobe XD แทบไม่มีใครใช้

15 กันยายน 2022 ข่าวใหญ่มา Adobe ประกาศจะซื้อ Figma ด้วยราคา 20,000 ล้านดอลลาร์ แพงกว่ามูลค่าตลาดของ Figma ตอนนั้นเกือบ 2 เท่า

แต่หน่วยงานกำกับดูแลยุโรปและอังกฤษขวาง กลัวผูกขาดตลาด สุดท้ายธันวาคม 2023 ดีลล่ม Adobe จ่ายค่าปรับ 1,000 ล้านให้ Figma ฟรีๆ

สิ่งที่ตลกคือ การที่รัฐออกมาขวางดีลนี้เหมือนประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่า "Figma สำคัญมาก สำคัญขนาดที่ถ้าหายไปจากตลาดทั้งอุตสาหกรรมจะเสียหาย" นี่เหมือนได้การรับรองจากรัฐบาลฟรีๆ

การเข้า IPO ที่สร้างประวัติศาสตร์

Figma เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยราคา IPO 33 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ตอนแรกตั้งไว้ 25-30 แต่ความต้องการสูงเกินไป) ระดมทุนได้ 1,200 ล้านดอลลาร์

สิ่งที่บ้าคือมีคนจองหุ้นเกิน 40 เท่า พอเปิดตลาดหุ้นพุ่ง 250% ในวันเดียว ขึ้นไปแตะ 126 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้มูลค่าบริษัทจาก 19,000 ล้าน พุ่งเป็น 73,000 ล้านดอลลาร์

3 เหตุผลที่ทำให้ Figma เป็นปรากฏการณ์

1. Business Model ที่ทำลายกฎเกมเดิม

Figma ใช้วิธี "Product-Led Growth" ให้ผลิตภัณฑ์ขายตัวเอง เริ่มจากให้ใช้ฟรี พอติดใจค่อยจ่ายเงิน

ประสิทธิภาพการขายสุดยอด ทุก 1 ดอลลาร์ที่ใช้กับการขายและการตลาดสร้างรายได้กลับมา 1 ดอลลาร์ทันที Net Dollar Retention อยู่ที่ 132% หมายถึงลูกค้าเก่าไม่หนี แถมจ่ายเพิ่มทุกปี

2. กลยุทธ์ "Multiplayer First" ที่สร้างความได้เปรียบ

Figma มองว่า "การออกแบบเป็นทีมกีฬา ไม่ใช่งานฝีมือเดี่ยว" ในขนะที่คู่แข่งมองว่านักออกแบบต้องการความเป็นส่วนตัว Figma บอกว่า "ทุกคนต้องเห็นงานกันแบบเรียลไทม์"

ผลคือวันนี้ การที่ PM กระโดดเข้ามาคอมเมนต์ วิศวกรเข้ามาดูขนาดฟอนต์ ผู้บริหารเข้ามาดูความคืบหน้า กลายเป็นเรื่องปกติ

2 ใน 3 ของรายได้ Figma มาจาก PM และโปรแกรมเมอร์ ไม่ใช่นักออกแบบ!

3. การเดิมพันกับ AI ที่อาจทำลายตัวเอง

Figma เขียนใน S-1 ว่า "AI อาจทำลายโมเดลธุรกิจของเราได้ในอนาคต" บริษัทไหนจะกล้าบอกนักลงทุนแบบนี้!

แต่แทนที่จะหนี Figma กลับวิ่งเข้าหา AI เต็มสปีด Dylan Field บอกว่า "เราไม่ได้แค่ติด AI เข้ากับผลิตภัณฑ์แบบขอไปที แต่เราทำให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของทุกขั้นตอนการทำงาน"

การเดิมพันคือ Figma จะกลายเป็น "Canvas ที่มนุษย์และ AI ทำงานร่วมกัน" ไม่ใช่แค่เครื่องมือดีไซน์ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่รวมทุกอย่างตั้งแต่ไอเดียจนถึงโค้ดที่พร้อมใช้งาน

Figma พิสูจน์ว่าในโลกเทคโนโลยี ผู้ที่จะชนะไม่ใช่คนที่ทำสิ่งเดิมให้ดีขึ้น แต่เป็นคนที่กล้าทำสิ่งที่ต่างอย่างสิ้นเชิงและตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง

Figma ไม่ได้สร้างแค่ซอฟต์แวร์ แต่สร้างวิธีการทำงานใหม่ที่ไม่มีใครคิดว่าจำเป็น จนทุกคนใช้แล้วติดใจจนถอนตัวไม่ได้

จากหนุ่มวัย 20 ที่โดนด่ายับ สู่ผู้สร้างปรากฏการณ์หุ้นพุ่ง 250% นี่คือพลังของการเชื่อในวิสัยทัศน์และการไม่ยอมแพ้แม้เจอแต่อุปสรรค




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ