LinkedIn มากกว่าโซเชียลมีเดียหางาน แต่เป็นอาวุธลับที่ทำให้ Microsoft ควบคุมตลาดแรงงานโลก

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

LinkedIn มากกว่าโซเชียลมีเดียหางาน แต่เป็นอาวุธลับที่ทำให้ Microsoft ควบคุมตลาดแรงงานโลก

Date Time: 12 ส.ค. 2568 09:00 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

ในโลกของโซเชียลมีเดียที่เต็มไปด้วยดราม่าและเนื้อหาไวรัล มีหนึ่งแพลตฟอร์มที่ดูจะเรียบง่าย ไม่ค่อยมีข่าวฉาว แต่กลับเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการควบคุมตลาดแรงงานและระบบเศรษฐกิจโลก นั่นคือ LinkedIn เมื่อปี 2016 Microsoft ตัดสินใจจ่ายเงินถึง 26.2 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ LinkedIn ซึ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทในขณะนั้น แพงกว่าการซื้อ Skype และ GitHub รวมกันอีก แต่เหตุผลเบื้องหลังการลงทุนก้อนโตนี้ไม่ใช่เพื่อแค่มีโซเชียลมีเดียมาครอบครอง แต่เพื่อได้มาซึ่งสิ่งที่มีค่ากว่านั้นมาก

Latest


ในโลกของโซเชียลมีเดียที่เต็มไปด้วยดราม่าและเนื้อหาไวรัล มีหนึ่งแพลตฟอร์มที่ดูจะเรียบง่าย ไม่ค่อยมีข่าวฉาว แต่กลับเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการควบคุมตลาดแรงงานและระบบเศรษฐกิจโลก นั่นคือ LinkedIn เมื่อปี 2016 Microsoft ตัดสินใจจ่ายเงินถึง 26.2 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อ LinkedIn ซึ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทในขณะนั้น แพงกว่าการซื้อ Skype และ GitHub รวมกันอีก รายการ Digital Fromtiers ทางช่อง YouTube : Thairath Money ได้วิเคราะห์เหตุผลเบื้องหลังการลงทุนก้อนโตนี้ไม่ใช่เพื่อแค่มีโซเชียลมีเดียมาครอบครอง แต่เพื่อได้มาซึ่งสิ่งที่มีค่ากว่านั้นมาก

จากความคิดง่ายๆ สู่จักรวรรดิข้อมูล

เรื่องราวเริ่มต้นในปี 2002 เมื่อ Reid Hoffman และเพื่อนอีก 4 คน พบปัญหาที่หลายคนต้องเจอ การหางานและการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจในยุคดิจิทัลยังคงยุ่งยากเกินไป แม้โลกออนไลน์จะเฟื่องฟู แต่การรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจยังต้องพึ่งอีเมลและโทรศัพท์เป็นหลัก

LinkedIn เริ่มต้นด้วยแนวคิดง่ายๆ "ทำให้การเชื่อมต่อทางธุรกิจเป็นเรื่องง่าย" แต่การเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องง่าย เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2003 แต่ใช้เวลาถึง 15 เดือนจึงมีสมาชิกครบ 1 ล้านคน

สิ่งที่น่าสนใจคือ LinkedIn ไม่ได้เน้นตลาดคนหางานในตอนแรก แต่มุ่งเป้าไปที่ผู้บริหารและมืออาชีพที่ต้องการขยายเครือข่าย จุดเปลี่ยนมาถึงเมื่อผู้คนเริ่มเห็นประโยชน์ของการมีโปรไฟล์ออนไลน์และการเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงาน การเติบโตจึงพุ่งทะยาน

ปัจจุบัน LinkedIn มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคนในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก พร้อมบริษัทที่ลงทะเบียนกว่า 69 ล้านแห่ง แต่ความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขเหล่านี้ แต่อยู่ที่สิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

3 เสาหลักแห่งอำนาจ

1. เครื่องจักรสรรหาบุคลากรใหญ่ที่สุดในโลก

รายได้หลักของ LinkedIn มาจาก Talent Solutions คิดเป็นกว่า 65% ของรายได้รวม และทำรายได้เกิน 7 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปี 2023

แต่นี่ไม่ใช่การขายโฆษณาหางานธรรมดา LinkedIn ได้สร้างระบบนิเวศที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนของการจ้างงาน ตั้งแต่การค้นหาผู้สมัครที่เหมาะสม การคัดกรอง การสัมภาษณ์ ไปจนถึงการติดตามผลหลังเข้าทำงาน

LinkedIn Recruiter เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่ช่วย HR ค้นหาผู้สมัครจากฐานข้อมูลมหาศาลได้อย่างแม่นยำ ด้วยฟิลเตอร์ที่ซับซ้อน ไม่เพียงแต่ข้อมูลพื้นฐานเช่น ทักษะ ประสบการณ์ การศึกษา แต่ยังรวมถึงพฤติกรรมการใช้งาน ระบบสามารถมองเห็นได้ว่าสมาชิกคนใดกำลังมองหางานใหม่จากการเข้าดูโปรไฟล์บ่อยๆ

สิ่งที่ทำให้ LinkedIn แตกต่างจากเว็บหางานอื่นคือผู้ใช้มักทำ Personal Branding บนแพลตฟอร์ม ช่วยให้ HR เห็นภาพรวมที่สมบูรณ์ ไม่ใช่แค่เรซูเม่ แต่รวมถึงผลงาน ความคิดเห็น และการมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ยังมี LinkedIn Learning (เดิมชื่อ Lynda.com) ที่ให้บริการคอร์สออนไลน์ ไม่เพียงสร้างรายได้เพิ่ม แต่ยังเก็บข้อมูลว่าคนแต่ละคนสนใจพัฒนาทักษะอะไร ข้อมูลนี้มีค่ามหาศาลสำหรับการคาดการณ์เทรนด์ตลาดแรงงานในอนาคต

2. บ่อทองโฆษณา B2B แม่นยำที่สุดในโลก

LinkedIn Marketing Solutions คือรายได้สำคัญที่ทำให้ LinkedIn แตกต่างจากโซเชียลมีเดียอื่นโดยสิ้นเชิง ทำรายได้เกิน 1 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปี 2021 และเติบโตเร็วกว่าหมวดหมู่อื่นถึงสามเท่า

แตกต่างจาก Facebook หรือ Google ที่มุ่งเน้นผู้บริโภคทั่วไป LinkedIn มุ่งเน้นการตลาด B2B โฆษณาบน LinkedIn มีราคาแพงกว่าแพลตฟอร์มอื่น 5-10 เท่า แต่มีประสิทธิภาพสูงเพราะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมาก

หากบริษัทต้องการโฆษณาให้ CFO ของบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี LinkedIn สามารถยิงตรงให้ได้เลย เพราะผู้ใช้ LinkedIn กว่า 4 ใน 5 มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจ และมีกำลังซื้อมากกว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปถึงสองเท่า

Sales Navigator เปลี่ยน LinkedIn จากแพลตฟอร์มหางานเป็นเครื่องมือขายที่ทรงพลัง ช่วยนักขายหาลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ด้วยการวิเคราะห์เครือข่าย ตำแหน่งงาน บริษัท และแม้แต่กิจกรรมล่าสุดของคนที่ต้องการติดต่อ

การผสมผสานระหว่างการขาย การตลาด และการหางานในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ LinkedIn สร้างระบบนิเวศที่ผู้ใช้ต้องกลับมาใช้อย่างสม่ำเสมอ และยิ่งใช้มาก ข้อมูลก็ยิ่งแม่นยำมากขึ้น

3. ควบคุมระบบเศรษฐกิจดิจิทัล

สิ่งที่ทำให้ Microsoft ยอมจ่ายเงินมหาศาล ไม่ใช่เพื่อได้เครือข่ายสังคมออนไลน์ แต่เพื่อได้มาซึ่ง "ตัวตนระดับมืออาชีพ" บนโลกอินเทอร์เน็ต

ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่แค่ประวัติส่วนตัว แต่เป็นภาพรวมของระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ตั้งแต่เทรนด์ทักษะที่ตลาดต้องการ การเคลื่อนไหวของแรงงาน ไปจนถึงสุขภาพของแต่ละอุตสาหกรรม

Microsoft นำข้อมูลเหล่านี้มาใส่ใน AI และ Machine Learning เพื่อพัฒนา Microsoft 365 ให้ฉลาดขึ้น เช่น การแนะนำคนที่ควรติดต่อในโปรเจ็กต์ การวิเคราะห์ทีมงานที่มีประสิทธิภาพ หรือการคาดการณ์ว่าพนักงานคนใดอาจลาออก

LinkedIn ยังช่วย Microsoft กลับเข้าสู่ตลาด CRM (ระบบจัดการลูกค้า) อย่างแข็งแกร่ง ด้วยการผสานข้อมูลจาก LinkedIn กับ Dynamics 365 ทำให้นักขายเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้ลึกขึ้น

ที่สำคัญที่สุดคือ LinkedIn ทำให้ Microsoft มีส่วนแบ่งในระบบนิเวศของการทำงานยุคใหม่ เมื่อโลกเปลี่ยนไปสู่ Remote Work และ Hybrid Work ความสามารถในการเชื่อมต่อคนกับคนผ่านดิจิทัลกลายเป็นสิ่งสำคัญมาก

สรุป

หลัง Microsoft ซื้อ LinkedIn ตั้งแต่ปี 2016 ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวัง รายได้ของ LinkedIn เติบโตจากเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์เป็นกว่า 17 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 และมีผู้ใช้เพิ่มจาก 433 ล้านคนเป็นมากกว่า 1 พันล้านคน

สิ่งที่ Microsoft ได้ "นอกเหนือจากเงิน" คือข้อมูลที่บอกว่า "คนทำงานคนใด อยู่ตรงไหนในระบบเศรษฐกิจ" ซึ่งเป็นเหมือนแผนที่ของคนทำงานทั่วโลกที่ Microsoft สามารถใช้วิเคราะห์เทรนด์ธุรกิจได้

กรณีศึกษาของ LinkedIn ชี้ให้เห็นว่าการเข้าซื้อโซเชียลมีเดียของบิ๊กเทค ไม่ได้มองเพียงเลเยอร์เดียว เช่นเดียวกับที่ Elon Musk ซื้อ Twitter หลายคนมองว่าจ่ายแพง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นว่า บริษัทเหล่านี้ไม่ได้มองว่าเป็นแค่โซเชียลมีเดีย

LinkedIn คือ "คนที่รู้ว่าเราเป็นใคร และโลกต้องการเราแค่ไหน" และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันกลายเป็นสมบัติลับที่ช่วย Microsoft ควบคุมระบบเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างแท้จริง

ในยุคที่ข้อมูลคือพลังงาน การเป็นเจ้าของข้อมูลคนทำงานทั่วโลกไม่ใช่เพียงการทำธุรกิจ แต่เป็นการมีอิทธิพลต่อทิศทางของเศรษฐกิจโลกด้วย




Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ