Metaจะเป็นหัวแถวให้ได้ ดึงคนเก่ง ดีลโรงไฟฟ้า สร้างศูนย์ข้อมูลยักษ์ สู้ศึกAIเทียบชั้นOpenAI-Google

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Metaจะเป็นหัวแถวให้ได้ ดึงคนเก่ง ดีลโรงไฟฟ้า สร้างศูนย์ข้อมูลยักษ์ สู้ศึกAIเทียบชั้นOpenAI-Google

Date Time: 15 ก.ค. 2568 16:36 น.

Video

Jack Ma กลับมา จะพา Alibaba สร้างอำนาจใหม่ให้วงการเทคจีนได้ยังไง ? | Digital Frontiers EP.50

Summary

Meta เร่งเครื่องอย่างหนักในสงคราม AI ทุ่มทุกอย่างเพื่อ “Superintelligence” ควักหมื่นล้าน ดึงเทพ AI ดีลซื้อพลังงานจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ สร้างศูนย์ข้อมูลใหญ่เท่าเกาะแมนฮัตตัน เดิมพันใหญ่เพื่อแซงหน้า Google และ OpenAI

Latest


เรียกได้ว่าสองถึงสามปีที่ผ่านมา Meta ได้เปลี่ยนจุดโฟกัสหลักของบริษัทจาก “Metaverse” มาสู่การแข่งขันด้าน "AI" อย่างจริงจัง โดยเฉพาะหลังจากกระแส Generative AI พุ่งทะยานทั่วโลก Meta จึงเร่งปรับกลยุทธ์องค์กร ทั้งในด้านการลงทุน การสรรหาผู้เชี่ยวชาญ และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกเพื่อสานต่อวิสัยทัศน์ใหม่ในการผลักดัน “Superintelligence” หรือการพัฒนา AI ที่ฉลาดกว่ามนุษย์ในหลายด้าน

โดยล่าสุด Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ได้ประกาศทุ่มเงินหลัก “แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ” หรือราว 3.2 ล้านล้านบาท สร้างศูนย์ข้อมูล AI ขนาดยักษ์ที่จะประกอบไปด้วยซูเปอร์คลัสเตอร์ขนาดกิกะวัตต์ที่สามารถรองรับการประมวลผลขนาดใหญ่เพื่อพัฒนา AI ระดับสูง โดยมีแผนนำที่แรกในโอไฮโอภายใต้ชื่อ "Prometheus" เข้าสู่ระบบภายในปีหน้า

พร้อมระบุอีกว่า ศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ของ Meta ในรัฐหลุยเซียนาจะเป็นศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทและมีขนาดเกือบเทียบเท่าเกาะแมนฮัตตัน ตามการอ้างอิงของ SemiAnalysis ที่ชี้ว่า Meta อาจกลายเป็นบริษัทแรกที่มีซูเปอร์คลัสเตอร์ขนาดมากกว่า 1 กิกะวัตต์ หรือสามารถเทียบได้ใช้พลังงานในระดับเดียวกับที่สามารถจ่ายไฟให้กับบ้านเรือนเกือบ 900,000 หลังคาเรือนต่อปี ซึ่งเป็นระดับพลังงานที่จำเป็นในการผลักดัน Superintelligence  ให้เกิดขึ้นจริง

โดย Meta ยังเตรียมสร้างคลัสเตอร์ขนาดใหญ่ระดับมัลติกิกะวัตต์อีกหลายแห่งเพื่อรองรับภาระงาน AI และการฝึกฝนโมเดล AI ขั้นสูงเพื่อสร้างเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยหนึ่งในนั้นคือ "Hyperion" ซึ่งสามารถขยายขนาดได้ถึง 5 กิกะวัตต์ ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะถูกนับเป็นหนึ่งในโครงการศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาที่ Meta ได้ลงนามข้อตกลงกับ Constellation Energy บริษัทผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เพื่อซื้อพลังงานจากโรงไฟฟ้า Clinton Clean Energy Center ในรัฐอิลลินอยส์เป็นระยะเวลา 20 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2027 ถือเป็นครั้งแรกที่ Meta ทำข้อตกลงซื้อไฟฟ้านิวเคลียร์โดยตรงเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลและคลัสเตอร์ AI ในอนาคต



Meta ต้องเป็นหัวแถวเรื่อง AI ให้ได้

การเดินเกมครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายจับตาความทะเยอทะยานของ Zuckerberg และ Meta Superintelligence Labs ว่าจะเพียงพอให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน AI ระดับโลก เทียบชั้น OpenAI หรือ Google ได้หรือไม่?

โดยที่ผ่านมา Meta แม้จะมีทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานมหาศาล แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในวงการ AI ได้เท่าบริษัทอื่น อย่างการเปิดตัวโมเดล “Llama 4” เมื่อเดือนเมษายนที่ไม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีนักในหมู่นักพัฒนา ซึ่งได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ Zuckerberg ตัดสินใจยกเครื่องแนวทางใหม่ทั้งหมด ทุ่มงบมหาศาลทั้งด้านพลังงาน การประมวลผล และการดึงดูดบุคลากรระดับหัวกะทิ เพื่อแข่งขันในสมรภูมิ AI ที่ร้อนแรงขึ้นทุกวัน
โดยก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน Meta ได้เปิดเผยว่า บริษัทอาจใช้เงินลงทุนสูงถึง 7.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.3 ล้านล้านบาทในปีนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายลงทุน (Capex) โดยเน้นหนักไปที่ AI และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลและชิปประมวลผล

นอกจากนี้ยังตั้งหน่วยงานใหม่ในชื่อ “Meta Superintelligence Labs” ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อรวมสุดยอดนักวิจัย AI ระดับโลกจากบริษัทชั้นนำในวงการ AI เพื่อขับเคลื่อนขอบเขตของ AI ของ Meta ให้ไปไกลมากที่สุด ทั้ง OpenAI, Google DeepMind, Scale AI, GitHub ซึ่งล่าสุดได้ดึง Ruoming Pang จากทีม Apple Intelligence ของ Apple มาร่วมทีมต่อเนื่องจากการเข้าซื้อหุ้น 49% ใน Scale AI มูลค่า 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและแต่งตั้ง Alexandr Wang ผู้ร่วมก่อตั้งเป็น Chief AI Officer คนใหม่ของบริษัท

โดย Zuckerberg ยังระบุชัดเจนว่า “เรามีเงินทุนจากธุรกิจของเราเพียงพอที่จะลงทุนในระดับนี้” ซึ่ง Meta ยังทำรายได้ส่วนใหญ่จากโฆษณาบน Facebook, Instagram และ WhatsApp ยังคงเห็นการเติบโตของยอดขายต่อเนื่องและมีอัตรากำไรที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจเป็นข้อได้เปรียบสำคัญในการไล่ตามผู้นำ AI รายอื่น 

แม้ว่า Meta จะยังไม่ถูกมองว่าเป็นผู้นำด้าน AI เทียบเท่า OpenAI หรือ Google แต่การเดินหมากใหญ่ในครั้งนี้กำลังส่งสัญญาณว่า Zuckerberg ไม่เพียงต้องการเล่นเกม AI แต่ต้องการขึ้นมาเป็นหัวแถวที่ครองกระดานหลังจากนี้



อ้างอิงข้อมูล Bloomberg , Datacenterdynamics , CNBC 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ