
ทุกคนรู้ไหมว่า...ทุกวันนี้ในโลกอินเทอร์เน็ตที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ AI และบอตกำลังครองโลกออนไลน์มากกว่าที่เราคิด ซึ่งแฝงตัวอย่างแนบเนียน นับตั้งแต่ปี 2024 ปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตจากมนุษย์จริงลดลงอย่างรวดเร็วจในขณะที่ AI และบอตต่าง ๆ กลับเพิ่มขึ้น กล่าวคือ มากกว่าครึ่งของการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกจะมาจากสิ่งที่ไม่ใช่ “มนุษย์” อีกต่อไป
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะนำมาซึ่งความเสี่ยงทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการปลอมแปลงตัวตน อาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้น และปัญหา Bot Farming ที่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลออนไลน์
จึงเป็นที่มาให้เราทำความรู้จักกับเทคโนโลยีอย่าง "Digital Identity" หรือ "ตัวตนดิจิทัล" Thairath Money สรุป 5 ประเด็นน่ารู้เกี่ยวกับ World ระบบพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ที่จะช่วยสร้างอนาคตดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
World คือเครือข่ายของมนุษย์จริงที่ยืนยันความเป็นมนุษย์ในยุค AI ให้แต่ละบุคคล พัฒนาโดย Alex Blania และ Sam Altman (CEO ของ OpenAI ผู้สร้าง ChatGPT) ซึ่งสร้างขึ้นโดย Tools For Humanity โดยมีพันธกิจในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ “ปลอดภัยสำหรับมนุษย์” ช่วยให้ทุกคนสามารถแสดงสถานะว่าเป็น “บุคคลจริง” ไม่ใช่บอตบนโลกออนไลน์ โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล หรือเพศ เพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้ใช้อย่างสูงสุด
World ไม่ใช่แค่แอปฯ แต่เป็นระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อวาง “โครงสร้างพื้นฐาน” แห่งอนาคตให้กับโลกอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย 5 องค์ประกอบหลักที่เชื่อมโยงกัน
Orb – ประตูเข้าสู่ระบบ : อุปกรณ์ทรงกลมที่ทำหน้าที่สแกนม่านตาและใบหน้า เพื่อยืนยันว่า "คุณคือมนุษย์จริง" โดยไม่ต้องใช้ชื่อจริงหรือข้อมูลส่วนตัว
World ID – บัตรประจำตัวดิจิทัล: เมื่อผ่านการยืนยันจาก Orb แล้ว ผู้ใช้จะได้รับ World ID ซึ่งเป็นเหมือน “หลักฐานความเป็นมนุษย์” ในโลกออนไลน์ ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีชื่อ ไม่ต้องผูกกับบัญชีธนาคาร และใช้ได้กับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่รองรับ
World App – แอปหลักของระบบ : ศูนย์กลางการใช้งาน World สามารถใช้เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล, ซื้อขายคริปโต, เก็บออม และใช้งานฟีเจอร์ทางการเงินได้อย่างหลากหลาย โดยที่ World App ไม่เก็บเงินของผู้ใช้ ทำให้มีความปลอดภัยและควบคุมได้ด้วยตัวเอง
World Chain – บล็อกเชนเฉพาะกิจ : World สร้างบล็อกเชนของตัวเองขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อรองรับการทำธุรกรรมในระบบ มั่นใจในความเร็ว ความปลอดภัย และความโปร่งใสที่สามารถตรวจสอบได้ รองรับผู้ใช้ระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Worldcoin – สินทรัพย์ดิจิทัลของระบบ : เป็นเหรียญคริปโตที่แจกจ่ายให้ผู้ใช้ที่ยืนยันตัวตนผ่าน Orb ได้สำเร็จ เปรียบเสมือนรางวัลและแรงจูงใจในการเข้าร่วมระบบ และสามารถนำไปใช้ในแอปหรือระบบอื่น ๆ ที่ยอมรับ Worldcoin ได้ในอนาคต
บริษัท Tools for Humanity (TFH) ผู้พัฒนาเทคโนโลยี World เดินหน้าขยายระบบยืนยันความเป็นมนุษย์สู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ร่วมมือกับ TIDC และ เอ็ม วิชั่น (MVP) จัดงาน World Day 2025 ครั้งแรกในไทย ภายใต้แนวคิด “World – building trust in the Age of AI”
พร้อมประกาศเปิดตัวความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ 11 พันธมิตรระดับชาติ ได้แก่ COM7, JIB, National Telecom, IMPACT, Pantip, Gogolook (Whoscall), Eventpop, Zentry, Bitazza Thailand, BINANCE TH และ Bitkub ภายใต้แนวคิด “World - building trust in the Age of AI” ซึ่งดำเนินงานโดย คุณภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Tools For Humanity
เป้าหมายหลักของ World ในไทย ปี 2025 มี 3 ด้านสำคัญ
1. ขยายจุดสแกน Orb กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ โดยร่วมมือกับ COM7 (BaNaNa), JIB, NT และ IMPACT ติดตั้งอุปกรณ์ Orb ให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวก
2. ปลดล็อกศักยภาพ World ID ผ่านการผลักดันการใช้ World ID เป็นหลักฐานดิจิทัลยืนยันตัวตน เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มชั้นนำ เพื่อยกระดับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยออนไลน์
3. ทดลองใช้ World Chain ในระบบคริปโต โดยร่วมกับ Bitazza, BINANCE TH และ Bitkub พัฒนาแนวทางใหม่ในการใช้การยืนยันตัวตนกับระบบสินทรัพย์ดิจิทัล
“World ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเสริมพลังให้กับมนุษย์ในยุค AI ด้วยวิธีที่เชื่อถือได้ เพื่อสร้างความไว้วางใจในโลกออนไลน์และเพื่อให้มนุษย์ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของความก้าวหน้าทางดิจิทัล เราต้องการให้เทคโนโลยีนี้เป็นเหมือนโล่ปกป้องภัยจาก AI ซึ่ง World ไม่ได้รู้ว่าคุณคือใคร แต่รู้เพียงว่าคุณเป็นมนุษย์คนหนึ่ง” ภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท Tools for Humanity กล่าว
แม้คำว่า “พิสูจน์ความเป็นมนุษย์” จะฟังดูเป็นนามธรรม แต่ในความเป็นจริง ระบบ World ID กำลังถูกนำไปใช้เชื่อมต่อบนแพลตฟอร์มชั้นนำของไทย เพื่อยกระดับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในโลกดิจิทัล ได้แก่
เว็บบอร์ด Pantip: สร้างความน่าเชื่อถือในชุมชนออนไลน์ด้วยการยืนยันผู้ใช้งานจริง และป้องกันบอตไม่ให้กระจายสแปมหรือชี้นำการสนทนา แอปพลิเคชันป้องกันสแกมเมอร์
Whoscall (บริษัท Gogolook): ยืนยันว่าเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่เชื่อมต่อกับ World ID เป็นบุคคลจริง เพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้งานในระบบการคัดกรอง แพลตฟอร์มจองตั๋ว
Eventpop: ป้องกันไม่ให้ Bot กว้านซื้อตั๋วคอนเสิร์ต ช่วยให้ผู้ใช้งานที่เป็นมนุษย์หรือคนจริง ๆ สามารถเข้าถึงกิจกรรมได้อย่างเป็นธรรม
แพลตฟอร์มเกม Zentry: ผู้พัฒนาเกม Ragnarok Landverse จะนำใช้เทคโนโลยีเข้าไปใช้ เพื่อป้องกันการนำ Bot มาใช้ในเกม
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่า เราจะไว้ใจ World ได้อย่างไรว่า หลังสแกนม่านตาแล้วจะไม่เก็บข้อมูลเราไว้ อธิบายแบบนี้ คือ หัวใจสำคัญของ World คือการออกแบบมาเพื่อยืนยันว่าคุณเป็น "คนจริง" โดยไม่ต้องรู้ว่าคุณคือใคร จากที่เห็นใน Data Flow ที่ทาง World ได้แสดงให้เราเห็นนั้น เวลาเราสแกนใบหน้าและม่านตาผ่านเครื่อง Orb ระบบจะสร้างรหัสลับที่เป็นแค่ "ชุดตัวเลข" ซึ่งไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นภาพได้ จากนั้นภาพที่สแกนจะถูกลบออกจากเครื่องทันที ไม่มีการเก็บไว้ที่ไหนเลย และแม้แต่ทีม World เองไม่สามารถรู้ได้ว่ารหัสนั้นเป็นของใคร
โดยทาง World ได้มีการใช้เทคโนโลยีอย่าง Zero-Knowledge Proof (ZKP) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณพิสูจน์ตัวตนได้ โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลใด ๆ เหมือนบอกว่า "ฉันมีกุญแจ" โดยไม่ต้องโชว์กุญแจให้ใครดู
และยังมี Anonymized Multi-Party Computation ที่ข้อมูลจะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ และกระจายไปยังเซิร์ฟเวอร์หลายจุด และที่สำคัญระบบของ World เป็น Open Source ใคร ๆ ก็เข้ามาตรวจสอบได้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน รวมถึงผ่านการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ มีทีมด้านความปลอดภัยระดับโลกเข้ามาช่วยตรวจสอบความโปร่งใสของระบบทั้งหมด
ปัจจุบัน World ได้ยืนยันความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้งานแล้วกว่า 27.4 ล้านคนในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก